Tuesday, March 23, 2010

Wizard's Road # 29

ตลาดปิดไปได้ 20 นาทีที่แล้วครับ....เหนื่อยสายตัวแทบขาด ปวดตามั่กๆเลยครับ เนื่องจากวันนี้วอลุ่มซื้อขายก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงเอามากๆ ที่สำคัญตลาดวันนี้เล่นยากกว่าเมื่อวานครับ (สำหรับผมน่ะ)

มีความพยายามที่จะทุบ PTT ให้ได้...แต่มีการเติม BID ใส่ตลอดทั้งในรูปแบบของการโชว์ bid และซ่อน bid ซึ่งถ้าสังเกตุให้ดีๆ...นั้นแหล่ะครับ คือ การเตือนว่า จะเอาหุ้นขึ้น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ

วันนี้การเทรดถึงแม้จะยากกว่าเมื่อวานที่มีเทรนด์การขึ้นลงค่อนข้างชัดเจน...แต่ผมก็สามารถทำกำไรได้ประมาณ 50% ของกำไรที่ไว้เมื่อวานครับ...ตัวผมเองพอใจเป็นที่ซู้ดดดด

ช่วงเช้า CEO ได้เรียกไปคุยครับ ข่าวดีน่ะครับ ไม่ใช่เรียกไปเพื่อยื่นซองขาวให้ผมครับ ฮ่าๆๆๆ
ผมได้เพิ่มจำนวนสัญญาเรียบร้อยแล้วครับ จาก 3 เป็น 5 สัญญา และมีการคุยตกลงกันเรื่องส่วนแบ่งจากกำไรที่ทำได้ ซึ่งก็เปรียบว่าผมได้เลื่อนระดับจาก trader level 1 เป็น level 2 เรียบร้อยแล้วครับ...ดีใจมากๆเลยครับ ^____^ เหลืออีกแค่ level เดียวเท่านั้นที่ผมต้องการ ความฝันต่างๆที่หวังไว้ว่าจะทำ ก็ใกล้จะเป็นจริงแล้วครับ...

               ..............เป้าหมาย มีไว้ให้พุ่งชน!!..........

พอดีได้เข้าไปอ่านใน blog ของ fundmanagertalk.com มาครับ มีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพเทรดเดอร์นิดหน่อย แต่คิดว่าเป็นประโยชน์ทีเดียวสำหรับ พี่ๆน้องๆ ที่อยากจะมาทำในสายงานนี้ครับ เชิญอ่านได้เลยครับ

งาน Trader
จะว่าไปแล้วงาน Trader ก็จะคล้ายกันกับงาน Fund Manager ในระดับหนึ่ง สำหรับ Trader ที่ทำอยู่กับโบรคเกอร์ โดยมากจะเรียกว่า Proprietary Trader หรือ (Prop Trade) สิ่งที่ต่างจากงานผู้จัดการกองทุน คืองานผู้จัดการกองทุนมักจะวัดผลประกอบการเทียบกับดัชนีอ้างอิง เช่นกองทุนหุ้นก็เทียบกับ SET Index ส่วนงาน Prop Trader มักจะวัดผลงานเป็น Absolute Return  และมีจุด Cut loss เช่น บริษัทอาจให้เป้าคุณเป็นผลตอบแทน 12% ต่อปี และ Stop Loss ที่ 8% ยกตัวอย่าง หากคุณมีพอร์ตที่ต้องดูแล 100 ล้านบาท หากสิ้นปีพอร์ตคุณเกิน 112 ล้านบาทก็เรียกว่าเกินเป้า และหาก ณ จุดเวลาใด หากพอร์ตแตะ 92 ล้านบาท เท่ากับว่าคุณต้องปิดโต๊ะ และหยุด Trade ทันที เพราะขาดทุนถึงจุด Stop Loss แล้ว สำหรับงาน Trader ในธนาคารพาณิชย์ก็มักจะฝังตัวอยู่กับแผนก Treasury เช่นกัน แต่ผลิตภัณฑ์หลัก ๆ จะเป็น ตราสารหนี้ และ Derivatives เช่น Interest Rate Swap, FX Swap, รวมไปถึงการ trade เงินตราต่างประเทศ ซึ่งแต่ละปีคุณก็มักจะได้ Budget (กำไร) มาเป็นเป้าหมายเช่นกัน โดยถ้าคุณทำการ draw เงินเพื่อนำมาลงทุนก็จะมีการคิดต้นทุนของเงินทุนที่คุณกู้มาด้วย สำหรับผลตอบแทนจากการ Trade หลัก ๆ แบ่งออกเป็น ผลตอบแทนจากการถือครอง Position ซึ่งเรียกว่า  “Carry” และกำไร (Capital Gain) งานในสาย Trader นี้คุณจะต้องมีความกล้าตัดสินใจสูง มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะการ Valuation และที่สำคัญคือต้องมีวินัย (Discipline) ในการทำงาน โดยเฉพาะการทำกำไร / ตัดขาดทุน เพราะหากคุณขาดวินัย และปล่อยให้อารมณ์เข้าครองงำ นั่นอาจจะหมายถึงความเสียหายอย่างมากต่อองค์กรที่คุณทำงาน

โชคดีมีชัยครับ

No comments:

Post a Comment