Wednesday, March 31, 2010

Wizard's Road # 36

หมดแรงครับวันนี้...ไม่มีอะไรมากมายที่จะเขียนครับ เหนื่อยสุดใจขาดดิ้น เหมือนเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางสงครามโลกครับ ฮ่าๆๆ

วันนี้สำหรับผมเองถือว่าเป็นวันที่เล่นยากที่สุดวันนึงตั้งแต่เริ่มอาชีพ prop trade ครับ...เนื่องจาก เล่นผิดทางตั้งแต่ 10 นาทีแรก แล้วเสียไปประมาณ 4% ของวงเงิน ซึ่งถ้าผมเสียมากกว่านั้น ผมจะถูกสั่งหยุดเทรดทั้งวันเลยครับ (ข้อดีของอาชีพนี้คือ คุณมีจุด stop ที่แน่นอน ดังนั้นถ้าเสียก็จะเสียแบบมีจำกัด แต่ได้แบบไม่มีลิมิตครับ)

จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า "เอาเงินตรูคืนมาาาาาา" ฮ่าๆๆ

ปิดวันไปก็กลับมากำไรได้ประมาณ 3% ของวงเงินครับ ซึ่งผมค่อนข้างพอใจกับผลงานเทรดที่ทำมา

แต่ที่เสียอารมณ์ที่สุดก็คือ ไม่ว่า SET จะขึ้นหรือลงแรงๆ จะมีเจ้า PTT นี่แหล่ะ ที่ทำราคาได้ชนิดที่เรียกว่า ลากไปเชือดครับ ไม่ก็พาเราวิ่งไปวิ่งมาจนปวดหัวมากมาย....PTT ตัวเดียว มีผลต่อราคา tfex มหาศาลน่ะครับ ลองไปดูกันเอาเองน่ะครับ ^___^

สุดท้ายก็อีหรอบเดิมว่า พี่หรั่งซื้อกระซวกไป 3 พันกว่าล้านอยู่เจ้าเดียวอีกแล้ว เฮ้อ....แล้วแบบนี้ SET จะลงได้อย่างไร...ลองดูน่ะครับ ถ้าเกิดพี่หรั่งขายวันไหนขึ้นมา SET ได้ลงเป็น 10 จุด แน่นอน ฟันเฟิร์ม..!!!

ช่วงนี้ตลาดน่าจะสวิงกิ้ง เกี๊ยวหมี่ กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขอให้โชคดีน่ะครับ

Wizard's Road # 35.5* (ความผิดพลาดที่สำคัญ 9 ประการของนักลงทุน )

สวัสดีรอบดึกครับ พอดีตื่นมาเชียร์ผีแดงทีมรักครับ อิอิ (เด็กหงส์ เด็กปืน เด็กทีมอื่นอย่าเคืองน่ะคับ อิอิ)
แล้วระหว่างพักครึ่ง ก็ไปอ่านเจอบทความเตือนใจนักลงทุนที่ึคิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์ต่อทุกท่านน่ะครับ
ลองอ่านดูน่ะครับ 
 
ความผิดพลาดที่สำคัญ 9 ประการของนักลงทุน

1. ลงทุนด้วยจำนวนเงินที่มากเกินกว่าที่คุณจะสูญเสียได้
 หนึ่ง ในอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของการลงทุนให้ประสบความสำเร็จคือการลงทุนด้วยเงินก้อน ใหญ่ที่คุณไม่สามารถจะเสียไปได้  เช่น จำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ผ่อนค่างวด หรือค่าเทอมลูก ในกรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า การลงทุนด้วยเงินร้อน (Trading with scared money) และในท้ายที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อในส่วนลึกของจิตใจ นักลงทุนเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขากำลังเสี่ยงด้วยเงินที่เปรียบเสมือนเงินที่ ยืมมา พวกเขาจะลงทุนด้วยอารมณ์และความกลัว โดยปราศจากเหตุผล ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เราแนะนำให้คุณหยุดการลงทุน จนกระทั่งคุณสามารถลงทุนด้วยจำนวนเงินที่คุณสามารถจะเสียได้โดยไม่ก่อให้ เกิดความเดือดร้อนทางการเงิน คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยจำนวนก้อนที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เช่น 50,000 บาท และลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 10 บาท

2. ความต้องการความแน่นอน
 เรา ทุกคนต้องมั่นใจว่าการลงทุนจะคุ้มค่า ดังนั้นเราจึงควรมองหาสัญญาณที่จะยืนยันจุดที่ควรเข้าลงทุน สัญญาณที่กล่าวถึงนี้มีหลายรูปแบบ เช่น การเปิดช่องยูบีซี หรือ อ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อทราบถึงข่าวสารว่าหลักทรัพย์ใดอยู่ในช่วงที่น่าลงทุน หรือหลักทรัพย์ใดที่ควรรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อแน่ใจว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้น  นักลงทุนบางคนอาจรับฟังข่าวสารจากเพื่อน ครอบครัว หรือเจ้าหน้าที่การตลาด (โบรกเกอร์) บางคนอาจรอจังหวะที่ดัชนีชี้นำทางเทคนิคทั้งหลายแสดงสัญญาณที่ดีจึงเข้าซื้อ
 สิ่ง เหล่านี้สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง แต่ข้อผิดพลาดที่สำคัญและควรระวังมาก ก็คือ การใช้เวลามากเกินไปจนคุณปล่อยให้ราคาสูงขึ้นโดยที่คุณยังไม่ได้ซื้อ สิ่งที่ตามมาก็คือ ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเมื่อราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นนั้นมีน้อยลง ทำให้แรงซื้อน้อยลง ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงจนกว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาใหม่ ซึ่งก็เปรียบได้กับเกมเก้าอี้ดนตรี คนที่ช้าที่สุดก็จะไม่มีเก้าอี้เหลือให้นั่ง
 นักลงทุนที่รอแล้วรออีก เพื่อให้มั่นใจมากๆ จริงๆแล้วก็คือคนที่จะซื้อที่จุดสูงสุดก่อนที่ราคาหุ้นจะตกลง แล้วก็จะโทษว่าเป็นเพราะเลือกหุ้นผิดตัว ความจริงคือข้อผิดพลาดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกหุ้น แต่เกี่ยวกับจังหวะของการลงทุน
 สิ่งที่ควรจำใส่ใจคือไม่มีความแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในการลงทุนครั้งใดๆก็ตาม สิ่งที่จะทำได้ก็คือศึกษาถึงความเสี่ยงประกอบกับความเชื่อมั่น

3. ใช้กำไรก่อนที่จะทำกำไรได้

 ไม่ มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการลงทุนที่ให้กำไรที่งดงาม แต่สิ่งนี้ก็เป็นปัญหาได้เช่นกัน เพราะมันให้คุณฝันหวานถึงกำไรก้อนใหญ่ คุณอาจจะบอกว่า “ว้าว! เงินลงทุนฉันเพิ่มขึ้น 15% ใน 2 วัน แล้วจะเพิ่มเป็น 50 % ใน 2 สัปดาห์และ อาจจะกลายเป็นเท่าตัวในพริบตา!”  สิ่งต่อไปที่จะเกิดขึ้นคือ คุณอาจคิดถึงรถใหม่คันหรูที่คุณคิดจะซื้อ หรืออาจจะบอกเจ้านายคุณว่าเขาก็ทำแบบเดียวกันได้ ถึงตอนนี้คุณคงนึกภาพออก
 ปัญหา ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคุณยึดติดกับความใฝ่ฝันนั้น และไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะถอยออกมาเมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะที่ไม่ดี และทำให้กำไรลดลง เพราะคุณถึงแต่ผลกำไรที่จะได้รับโดยไม่ยอมรับสถานการณ์จริง
 วิธีแก้ไข ง่ายๆก็คือ ต้องรู้ว่าจะขายทำกำไรเมื่อไหร่และอย่างไร เมื่อลงทุน  และต้องจำไว้ว่าตลาดจะขึ้นสูงเท่าที่มันจะขึ้นได้  ไม่ใช่ว่าจะขึ้นสูงเท่าที่คุณคิดว่ามันจะขึ้นได้

4. การแสดงความคิดเห็น
 เรา กำลังจะบอกคุณว่าตลาดไม่สนใจคุณหรอกว่าคุณจะคิดอย่างไร ถึงแม้ว่าคุณจะอ้างอิงถึงบทวิเคราะห์ที่เกิดจากความอุตสาหะ หรืออ้างอิงถึง ผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้นไทย  นั่นไม่สำคัญหรอก

5. คำ 3 คำที่จะฆ่าคุณได้ หวัง-ขอ-อธิษฐาน
 ถ้า คุณพบว่าคุณทำ 1 อย่าง หรือมากกว่า ของคำที่กล่าวไว้ เมื่อคุณลงทุน คุณกำลังลำบากแล้วล่ะ! ดังเช่นที่กล่าวมาแล้ว ตลาดไม่สนใจคุณหรอก ดังนั้น ความหวัง คำขอ หรือคำอธิษฐาน ทั้งหลายไม่สามารถเปลี่ยนขาดทุนเป็นกำไร
 เมื่อคุณคาดการณ์ผิด วิธีการง่ายๆที่จะแก้ไขสถานกาณ์ คือ ขาย!!

6. ไม่ทำตามแผนที่วางไว้
 ปัญหา ใหญ่เกิดขึ้นได้เมื่อนักลงทุนเริ่มไม่ทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้  อาจจะเป็นเวลาซัก 1 อาทิตย์ที่พวกเค้าจะลงทุนตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แต่อีก1 อาทิตย์จะทำสิ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง  การทำเช่นนี้ทำให้เจ็บตัวได้ง่าย เนื่องจากไม่มีใครสามารถบอกได้แน่ชัดว่ากลยุทธ์ใด จะได้ผลหรือไม่
 ดัง นั้นต้องจำไว้ว่าไม่ควรทำสิ่งที่ผิดไปจากแผนหรือวิธีการเมื่อคุณได้เริ่มต้น ไปแล้ว  หากคุณพบว่ากลยุทธ์นั้นใช้ได้ผลเมื่อดูจากสถิติ ก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะเปลี่ยนกลยุทธ์  ทางที่จะทำกำไรคือ ซื้อขายซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งถึงจุดที่กลยุทธ์นั้นจะใช้ไม่ได้ผล
 อีกด้าน ที่ต้องระวังก็คือ นักลงทุนมักจะขาดความมั่นคงและมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแผนการลงทุนได้มากหลังจาก ขาดทุน 2-3 ครั้ง  ดังนั้น ในช่วงเวลาเช่นนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ

7. ไม่รู้ว่าจะถอนตัวจากการลงทุนที่ขาดทุนได้อย่างไร
 มี หลายครั้งที่นักลงทุนไม่มีเกณฑ์ที่แน่นอนในการนำตัวเองออกจากการลงทุนที่ไม่ คุ้มค่า  พวกเขามักจะคาดหวัง และคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในการที่จะไม่ถอนตัวและยอมขาดทุน ดังเช่นที่เราบอกซ้ำแล้วซ่ำเล่า ตลาดไม่สนใจว่าคุณจะคิดอะไร  มันเคลื่อนไปตามทางของมัน และเมื่อตลาดไม่เป็นไปตามที่คุณคิด นั่นคือคุณคิดผิด
 วิธีง่ายที่สุดที่จะทำให้สถานะการลงทุนไม่แย่ลงกว่า เดิม ก็คือต้องคิดก่อนที่จะลงทุนว่า เมื่อไรจะออกจากตลาด โดยอาจกำหนดเป็นจำนวนเงิน หรือ กำหนดจุดเป้าหมาย เช่น จุดที่เท่ากับจุดต่ำสุดในช่วงเวลา 15 นาทีก่อน
*****ต้องมั่นใจว่าคุณจะ ไม่ปล่อยให้ราคาตกลงจนถึงจุดหยุดขาดทุนโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งอาจเนื่องมาจากความกลัวและความไม่เชื่อว่าคุณคิดผิด นั่นจะทำให้คุณเกิดปัญหาด้านการเงิน เว้นแต่ว่าคุณจะสามารถหยุดขาดทุนได้โดยเร็ว

8. มีความมั่นใจ
 คน ที่เข้าลงทุนในตลาดนั่นมีหลายคนที่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงใน ธุรกิจด้านอื่นๆ เหตุนี้เองทำให้พวกเขามีความมั่นใจสูงและคิดว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะล้มเหลว  ความมั่นใจเช่นนี้กลายเป็นข้อเสียสำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าลงทุนผิดพลาดและควรต้องหยุดการลงทุนที่ขาดทุน
 และ เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน นั่นไม่เกี่ยวข้องกับตลาด รวมถึงปริญญา ประกาศนียบัตร ความสามารถในการจูงใจ หรือ ความรอบรู้เชิงธุรกิจ ไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มตลาด เวลาที่คุณคาดการณ์ผิด

9. หลงใหลในหุ้นหรือการลงทุน
 ห้ามหลงใหลในหุ้นเด็ดขาด เพราะนั่นจะให้บทเรียนที่สาหัสแก่คุณ

   ที่มา   investorchart

Tuesday, March 30, 2010

Wizard's Road # 35

พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มถลาย!!! ทา หล่ม ทา ลาย!!! ฮ๋าๆๆๆ

โอยยย วันนี้ปากกาเซียนทุกสำนักหักดังป๊อก แม้แต่ความคิดของตัวผมเอง...

ตอน เช้าไปทำงานด้วยความรู้สึกที่ว่า SET กับ TFEX เปิดกระโดดแน่นอน แล้วก็จะมีแรงขายถล่มอีกเป็นระลอกแน่นอน...เตรียมตัวไป short เต็มที่....แต่...เกือบซวยครับ...ช่วงเช้าพี่หรั่ง พี่กองเล่นกันเหมือนเดินหมากรุก กว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหว ช้ามากๆ จนผมแทบไม่ได้เทรดกันเลย (อันนี้อยากให้นักลงทุนทั่วไปเข้าใจด้วยน่ะครับว่า พี่ปอบของพวกท่าน พวกเราไม่ได้เล่นกันตลอดเวลา เราก็รอสัญญาณจากพี่หรั่งพี่กองเหมือนกันครับว ขืนเข้าไปมั่วซั่ว ก็โดนหลอกเจี๊ยะเอาได้)...จากนั้น มหกาพย์ยกหุ้นก็เกิดขึ้นในช่วงบ่ายประมาณ 3 โมงครึ่ง เป็นต้นไปครับ...ยกกันแบบไม่เกรงหน้าพรหมหน้าอินทร์ที่ไหนเลย..ถ้าคนเล่น หุ้นจะเล่นง่ายหน่อย เพราะเคาะซื้อกันทุกช่องทุกราคา..แต่สาวก tfex อย่างผมนี้ เซ็งนิดๆ ที่ใจไม่แข็งพอ เพราะมีการเขย่าราคาเอาของกันสนุกสนาน เลยทำให้ได้กำไรมาไม่เป็นที่น่าพอใจซักเท่าไหร่...2.5% ของวงเงินเล่นได้เท่านั้น ทั้งๆที่ตลาดบวกกระจายน้ำบานกันไปเลยทีเดียว...T__T"

วันนี้ มีข้อสังเกตุน่ะครับ...ฝรั่งซื้อเยอะอีกแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเป็นการดัน SET ให้สูงขึ้นมากๆเพื่อไปทำกำไรในฝั่ง TFEX ครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัญญา series H10 ครับ..ลองคิดภาพตามน่ะครับ...ถ้าฝรั่ง long tfex ตั้งแต่ SET อยู่แถวๆ 680 เป็นต้นไป แล้วมาขายตอน SET อยู่ 785 - 790 ในวันนี้...กำไรเค้าจะมหาศาลแค่ไหน...ที่ผมสงสัยก็เพราะ การที่พี่หรั่งอุตส่าห์ดันหุ้นซะไปราคาสูงลิ่วเนี่ยะ แต่ตอนราคาปิด ATC ทำไมถึงไม่พยุงราคาหรือทำราคาให้ปิดสูงสุดในวันไปเลย แต่นี้เล่นปล่อยให้ล่วงพร๊อย จน SET ปิดต่ำกว่าราคาสูงสุดไป 2 จุด ก็คิดว่า เป็นข้อสังเกตุของเทรดเดอร์ตัวน้อยอย่างผมน่ะครับ...อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ^___^

พรุ่งนี้ ก็น่าจะมีทิศทางค่อนข้างแน่ชัดหล่ะครับ ว่าตลาดจะผ่าน 800 ได้เลยหรือไม่...!! ลุ้นกันยาวๆครับ

โชคดี รวยทรัพย์ รักน้องเมีย ครับพี่น้องคร้าบบบบ ฮ๋าๆๆๆ

Monday, March 29, 2010

Wizard's Road # 34

วันแรกของการเทรดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม...

เมื่อคืนนี้ ผมได้ลองนั่งดูกราฟ SET กับ S50M10 ระยะ Day แล้ว ก็มีลางสังหรณ์ว่า วันนี้ SET จะมีแรงขาย ไปจนถึงลงแรงๆได้เลยทีเดียว ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆครับ...ในระยะ DAY เนี่ยะ เป็นครั้งแรกที่เครื่องมือที่ผมใช้ ส่งสัญญาณเป็นขาลง (อาจจะลงแรงๆ หรือลงไปแค่ปรับฐาน อันนี้ก็มิอาจจะทราบได้) ตั้งแต่ที่ S50M10 เปิดมาที่ 546 สัญญาณ short ก็เกิดครับ...แต่อย่าลืมว่า นั้นมันสำหรับนักลงทุนที่สามารถถือข้ามวัน ข้ามอาทิตย์ ข้ามเดือนได้...แต่ Day Trader อย่างอาชีพพวกผมเนี่ยะ...คืนไปเปรี้ยวเล่นแบบนั้น ก็อาจจะเจ็บตัวเหมือนกัน ก็เลยต้องมานั่งดูการทำราคาของ SET และ TFEX กันก่อน...ซึ่งก็อย่างที่เห็นครับ....
......... เละ!!!!......

ถึงแม้จะมีแรงซื้อกลับมาให้ลุ้นๆว่า SET จะกลับไปเขียวได้อีกครั้งหรือเปล่า...แต่สุดท้าย ก็หมดหวังครับ แรงขายจากพี่กองทุนซึ่งเพิ่งประกาศมาว่า ขายอยู่เจ้าเดียว 2 พันกว่าล้านเนี่ยะ แร๊งงงง!!! 

ส่วนพี่หรั่งเรา ก็ัยังซื้อครับ...แต่แค่ 3 ร้อยกว่าล้าน ปล่อยให้พี่รายยุ่ย อาซิ้ม อาแปะ ทั้งหลายได้ซื้อกันสนุกสนาน 6 ร้อยกว่าล้าน ตามความคาดหมาย...รอบนี้ เรามาคอยดูสงครามกันว่า ระหว่างพี่กองทุนกับรายย่อย...ใครจะฉลาดกว่ากัน...ส่วนพี่หรั่ง ไม่ต้องพูดถึงครับ....ทุนต่ำโคตร!! ขายตรงไหน ก็รวยๆๆๆๆๆ...

ส่วนตัวแล้ว การเทรดวันนี้ ออกมาไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก เพราะยังเปื่อยและป่วยอยู่ครับ จึงทำให้การตัดสินใจต่างๆที่เคยเร็วปรู๊ดปร๊าด ช้าลงไปอย่้างมากๆ เลยทีเดียว...ทำกำไรไปสูงสุด 13 จุด...ก็ดันเสียจนเหลือแค่ 1 จุด....แต่สุดท้ายก็ตีกลับมาปิดเป็นกำไร 3% ของวงเงินที่เล่นได้ครับ ^___^ ทำให้กำไรสะสมของผมก็ทำ New High ไปเรื่อยๆ...

   ....เหนื่อยสายตัวแทบขาด ตาปวดเมื่อยมากมาย แต่พอเห็นบทสรุปว่า กำไร ก็หายเหนื่อยเลยครับ....

โชคดีครับ ยังไงช่วงนี้ ก็ระมัดระวังการเทรดด้วยน่ะครับ 


Sunday, March 28, 2010

Wizard's Road # 33

วันนี้วันอาทิตย์สบายๆ มีบทความมาฝากครับ

กฎเหล็ก 10 ข้อสำหรับการลงทุน

กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ
หากท่านสามารถเข้าใจและ ปฎิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าท่าน ก็สามารถเอาตัวรอด ด้วยการลงทุนโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้ครับ

1. ดูแนวโน้ม
เรียน รู้ชาร์ตในระยะยาว โดยเริ่มการวิเคราะห์ชาร์ตในระดับเดือนและสัปดาห์ ของช่วงเวลาหลายๆปี การดูชาร์ตในระดับของช่วงเวลาที่กว้างขึ้นจะทำให้สามารถมองเป็นแนวโน้มของ ตลาดในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทราบถึงแนวโน้มระยะยาวแล้ว จึงจะดูชาร์ตในระดับวันและนาที การดูแนวโน้มในช่วงสั้นเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนในระยะสั้น คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากคุณลงทุนในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะกลางและ ยาว

2. วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม
แนว โน้มของตลาดมีหลายช่วงเวลา ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น สิ่งแรกคือ คุณต้องรู้ว่าคุณจะลงทุนในระยะเวลาเท่าใด และวิเคราะห์ชาร์ตของช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยที่คุณต้องแน่ใจว่าคุณลงทุนไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะเวลานั้นๆ ซื้อเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาลง หากคุณลงทุนในระยะกลาง ให้ใช้ชาร์ตในระดับวันและสัปดาห์ ถ้าคุณลงทุนระยะสั้น ให้ใช้ชาร์ตระดับวันและรายนาที อย่างไรก็ตาม ในแต่ละกรณี ให้ดูแนวโน้มของช่วงเวลาที่ยาวขึ้น และใช้ชาร์ตของช่วงเวลาที่สั้นลงในการหาจุดที่จะเข้าซื้อ-ขาย

3. หาจุดสูงสุดและต่ำสุด
วิเคราะห์ แนวรับและแนวต้าน จุดที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อก็คือจุดใกล้แนวรับซึ่งมักจะเป็นจุดต่ำสุดของ รอบการซื้อขายที่แล้ว จุดที่ดีที่สุดสำหรับการขายก็คือจุดที่ใกล้แนวต้าน ซึ่งมักจะเป็นจุดสูงสุดของรอบการซื้อขายที่แล้ว หากมีการเคลื่อนผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะกลายเป็นแนวรับสำหรับการปรับตัวลดลง อีกนัยหนึ่ง จุดสูงสุดเดิมกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และเช่นเดียวกัน ในกรณีที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ มักจะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จุดต่ำสุดเดิมกลายเป็นจุดต่ำสุดใหม่

4. รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหนจึงจะกลับตัว
เทียบ อัตราส่วนการขึ้น-ลง เป็นเปอร์เซนต์ โดยทั่วไปตลาดจะมีการกลับตัวทั้งขึ้นและลงตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของแนวโน้ม ของช่วงก่อน คุณสามารถวัดอัตราส่วนของการปรับตัวขึ้นหรือลงของแนวโน้มปัจจุบันได้โดยใช้ อัตราส่วนชุดหนึ่งที่มีการกำหนดค่าไว้แล้ว เช่น การกลับตัวขึ้นหรือลง 50%ของแนวโน้มก่อน เป็นอัตราพื้นฐานที่ใช้กันบ่อย อัตราส่วนต่ำสุดของการวัดการดีดกลับ คือ 1/3 ของแนวโน้มก่อน และอัตราส่วนสูงสุดคือ 2/3 อัตราส่วนที่สำคัญและควรให้ความสนในก็คือ อัตราส่วน Fibonacci 36% และ 62% ดังนั้น เมื่อตลาดมีการพักในช่วงแนวโน้มขาขึ้น จะมีจุดซื้อคืนจุดแรกเมื่อตลาดปรับตัวลง 33-38% ของจุดสูงสุด

5. ใช้เส้นแนวโน้ม
เส้น แนวโน้มเป็นหนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีเพียงขอบเขตที่เส้นแนวโน้มแสดงและจุด 2 ตำแหน่งบนชาร์ต เส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดต่ำสุด 2 จุด ที่อยู่ใกล้กัน และเส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดสูงสุด 2 จุดใกล้กัน ราคาของหุ้นมักจะเคลื่อนเข้าใกล้เส้นแนวโน้มก่อนที่จะเคลื่อนกลับเข้าสู่แนว โน้มของมัน หากราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม จะแสดงถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้ม เส้นแนวโน้มจะมีผลเมื่อราคาเคลื่อนแตะที่เส้น 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย เส้นแนวโน้มที่ลากได้ยิ่งยาว หมายถึง จำนวนครั้งมากขึ้นของการทดสอบเส้นแนวโน้ม และยิ่งทำให้เส้นแนวโน้มมีความสำคัญมากขึ้น

6. ติดตามค่าเฉลี่ย
หมาย ถึงการเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งจะบอกถึงราคาเป้าหมายที่จะซื้อและขาย เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มเช่นใดและช่วยยืนยัน สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม เส้นค่าเฉลี่ยไม่ใช่เครื่องมือที่จะบอกล่วงหน้าว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน รูปแบบของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่เป็นที่นิยมคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นเพื่อหาจุดซื้อ-ขาย ค่าที่นิยมใช้สำหรับค่าเฉลี่ยที่ใช้คู่กันคือ 5 วันและ10 วัน, 10 วันและ25วัน, 25 วันและ 50 วัน สัญญาณซื้อ-ขายเกิดขึ้นเมื่อเส้นที่มีค่าเฉลี่ยสั้นกว่าตัดกับเส้นที่ ยาวกว่า หรือ เมื่อราคาเคลื่อนผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆเป็นดัชนีที่เคลื่อนไปตามแนวโน้ม การใช้เส้นค่าเฉลี่ยจึงเหมาะสำหรับตลาดที่ในช่วงที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

7. รู้ถึงจุดที่ตลาดกลับตัว
Oscillators (เครื่องมือที่มีตัวเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 100) เป็นดัชนีที่ช่วยชี้บอกจุดที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยจะช่วยยืนยันว่าตลาดการเปลี่ยนแนวโน้ม Oscillators จะช่วยเตือนล่วงหน้าว่าตลาดเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมากเกินไป และทำให้เกิดการกลับตัว Oscillators ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Stochastics ทั้งสองตัวนี้จัดเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Oscillators เพราะให้ค่าที่อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 เมื่อ RSI มีค่าเกิน 70 จะแสดงถึงการซื้อที่มีมากเกินไป (Overbought) และ ต่ำกว่า 30 แสดงถึงการขายมากเกินไป (Oversold) ค่า Overbought และ Oversold สำหรับ Stochastics คือ 80 และ 20 นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ค่า 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับการคำนวณ Stochastics และ 9 หรือ 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับ RSI สัญญาณกลับตัวที่เกิดใน Oscillators จะเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดกำลังจะกลับตัว เครื่องมือเหล่านี้ใช้ได้ดีเมื่อตลาดอยู่ในช่วงที่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไร และไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจน สัญญาณในระดับสัปดาห์สามารถนำมาใช้ช่วยในการขจัดสัญญาณหลอกและยืนยันสัญญาณ ในระดับวัน และใช้สัญญาณระดับวันสำหรับยืนยันสัญญาณในรายนาที

8. มองเห็นสัญญาณเตือน
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นดัชนีวัด (พัฒนาโดย Gerald Appel) ที่รวมเอาระบบการตัดผ่านของเส้นค่าเฉลี่ยและการชี้จุด Overbought/Oversold ของ Oscillators ไว้ด้วยกัน สัญญาณซื้อจะเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดขึ้นเหนือเส้นที่ช้ากว่า โดยที่ทั้ง 2 เส้นอยู่ต่ำกว่าศูนย์ สัญญาณขายเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดลงต่ำกว่าเส้นที่ช้ากว่าที่เหนือศูนย์ สัญญาณในระดับสัปดาห์จะมีน้ำหนักและความสำคัญมากกว่าสัญญาณในระดับวัน MACD histogram ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง แสดงถึงส่วนต่างระหว่าง MACD ทั้งสองเส้น สามารถส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มได้เร็วกว่าอีกด้วย

9. เป็นแนวโน้มหรือไม่เป็นแนวโน้ม
Average Directional Index (ADX) เป็นดัชนีที่จะบอกว่าตลาดอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มหรือไม่ และเป็นตัวช่วยวัดว่าแนวโน้มนั้นอยู่ในระดับใด เส้น ADX ที่ชี้ขี้นแสดงถึงแนวโน้มที่มีความชัดเจนมาก ควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ หากเส้น ADX ปรับตัวต่ำลง แสดงถึงตลาดที่ไม่มีแนวโน้มและเหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น ควรใช้ Oscillators ในการวิเคราะห์ การใช้ ADX ช่วยนักลงทุนในการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนและในการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม กับสภาวะตลาด

10. รู้จักการดูสัญญาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม
สัญญาณ ที่ให้การยืนยันรวมถึงปริมาณการซื้อขายและจำนวนการซื้อขายที่มีการลงทุนจาก ผู้ที่เข้ามาซื้อขายใหม่ (open interest) ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันแนวโน้มสำหรับตลาดล่วงหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะส่งสัญญาณกลับตัวก่อนที่ราคาจะกลับตัว สิ่งสำคัญคือจะต้องมั่นใจว่ามีปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่นในทิศทางเดียว กับแนวโน้มปัจจุบัน ในแนวโน้มขาขึ้น ควรมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นเพื่อยืนยันว่าแนวโน้มนั้นยังแข็งแรงอยู่ ส่วน open interest ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยยืนยันว่ามีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่องและช่วยหนุนให้แนว โน้มปัจจุบันคงอยู่ หาก open interest ลดลง ย่อมเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มนั้นใกล้สิ้นสุดลง ดังนั้นราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นควรจะมีปริมาณซื้อขายและ open interest หนุนอยู่ด้วย

ที่มา investorchart

^____^

Friday, March 26, 2010

Wizard's Road # 32

วันนี้ขออัพเดทนิดเดียวน่ะครับ พอดีไม่ค่อยสบาย เทรดก็เลยเสีย ฮ่าๆๆๆ เสียไปนิดหน่อยครับ ประมาณ 2% ของวงเงินครับ แต่ยอดรวมทั้งอาทิตย์ก็ทำกำไรไปได้ประมาณ 56% ของวงเงินที่ได้รับมาครับ...^___^

ตลาดวันนี้เหมือนจะเล่นง่าย แต่ก็ไม่ง่ายซะทีเดียว (ถ้าง่าย ผมคงกำไรไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ)
มีการยื้อราคา เติม Bid ของหุ้นหลักๆทั้งหลาย เพื่อไม่ให้ราคาไหลลงทีเดียว แต่สุดท้ายก็มาทิ้งกันช่วงปลายตลาดครับ ขายกันแทบไม่ทันทีเดียว

ช่วงนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง ดูแลสุขภาพด้วยครับ ขอตัวให้หมอฉีดยาก่อนครับ

Have a great weekend krub!!

Thursday, March 25, 2010

Wizard's Road # 31

โอยยยย หวัดกินครับหวัดกิน...เป็นอะไรที่แย่มากๆ ที่ต้องเทรดไปด้วยแล้วร่างกายไม่พร้อม ไม่สมบูรณ์ 100%....ก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปติดหวัดใครมา เหอๆๆ...พรุ่งนี้ขอให้หายเต๊อะ เพี้ยง!!

วันนี้ผมไปทำงานด้วยสภาพกึ่งๆซอมบี้ครับ เนื่องจากไม่สบายนิดหน่อย แต่ก็ไม่อยากขาดงาน เพราะตลาดกำลังมีวอลุ่มให้เล่น (เรื่องเงินๆทองๆนี่ ไม่ได้เลยครับ ลุย!!)

วันนี้ตลาดเปิดบวกครับ สวนทางกับตลาดต่างประเทศอีกเช่นเคย แต่....เพราะการวาง Bid - Offer ของหุ้น PTT กับ PTTEP ที่ดูแล้วทะแม่งๆเนี่ยะ ทำให้ผมไม่กล้าที่เล่นฝั่ง Long (ขาขึ้น) สักเท่าไหร่...แล้วก็เป็นดังขาดครับ...ทุบกระจาย!! ตอนแรก SET กับ TFEX ทำท่าจะลงไปแตะลบ 10 ขุดเสียให้ได้ ดีที่ว่ามีแรงซื้อกลุ่มธนาคารเข้ามาอีก (KBANK ผ่าน 100 บาทได้ด้วย เป็นบุญตาของผมแต๊ๆ ที่ได้เห็น ฮ่าๆๆ) จากนั้นตลาดก็สวิงในกรอบแคบๆ ก่อนที่จะมีแรงขายช่วงปลายตลาดอีกครั้ง...สนุกมั่กๆครับตลาดแบบนี้เล่นเอาหายไข้เลย หุหุ

ช่วงนี้สำหรับคนที่เล่น TFEX ขอแนะนำให้เปลี่ยนไปเล่น S50M10 ได้แล้วน่ะครับ เพราะ series ปัจจุบันคือ S50H10 นี่ใกล้จะหมดอายุสัญญาแล้ว และสภาพคล่องก็น้อยลงด้วยครับ (ช่วงเช้าผมไปเล่น S50H10 ก็เอะใจว่า ทำไมราคา bid-offer ตั้งซะห่างเชียว สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ "ตรูโง่เอง" ฮ่าๆๆ)

วันนี้ตัวเองทำกำไรได้ค่อนข้างน่าพอใจครับ ประมาณ 8% ของวงเงินที่มีครับ ^___^ มีเสียไม้ใหญ่ๆบ้าง แต่ก็เอาคืนคำโตๆได้เช่นกัน...คิดไปคิดมา ตลาดหุ้นก็คือกีฬาชกมวยดีๆนี่เอง...ถ้าวันไหนที่เราพร้อม ตั้งการ์ดมั่นๆ ค่อยๆแย๊บดูเชิงคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ อาจจะมีโดนต่อยบ้าง เจ็บบ้าง แต่ไม่โดนน๊อก...แล้วเราสามารถกลับมา เปรี้ยง! หมัดเดียวจอดได้เนี่ยะ เราก็เป็นผู้ชนะครับ...^____^

Wednesday, March 24, 2010

Wizard's Road # 30

โหด มันส์ ฮา!! ตลาดหุ้นพี่ไทยเราวันนี้ ก็สวนทิศทางกับตลาดเพื่อนบ้านอยู่นิดหน่อยครับ
ถึงแม้ Hang Seng Index จะเปิดบวก 200 กว่าจุด แต่ก็ได้ลงไปอยู่ในแดนลบได้ แต่....

พี่ไทย ไม่สนใจใครอีกแล้ว คงคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำของตลาดหุ้นรอบโลกแน่ๆ ถึงได้ซื้อๆๆๆ แล้วก็ซื้อ
ถึงแม้ว่าจะมีแรงขายอยู่บ้างพอสมควร แต่สุดท้าย...พี่หรั่งก็ซัดกระหน่ำไป 2000 กว่าล้านอีกแล้วครับท่าน...รอบนี้รายยุ่ยรายย่อยทั้งหลายคงได้ลงจากดอยเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วซะที แต่ก็ระวังในการเทรดหน่อยน่ะครับ..อะไรที่มันขึ้นแรงๆไม่มีพัก ไม่คิดถึงคิทแคทเนี่ยะ เวลาลงก็ลงแบบสึนามิถล่มได้เหมือนกัน...เหอๆๆ

วันนี้การเทรดของผมออกมาไม่ดีครับ เสียไปประมาณ 3% ของวงเงินที่ได้เล่น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ เพราะการเทรด 7 วันที่ผ่านมาผมตุนกำไรไว้พอสมควรทีเดียว ดังนั้นก็ต้องมีการเอาเงินคืนให้ตลาดบ้าง

...อย่าลืมน่ะครับว่า TFEX นี่มันคือ Zero Sum Game ไม่มี Win-Win หรอกครับ เราได้ ก็ต้องมีคนเสีย เป็นเรื่องธรรมดามากๆ...

การเทรดแต่ละวันนี่ ต้องคิดให้ได้น่ะครับว่า วันนี้คือวันใหม่ มันคือสนามรบใหม่ คู่ต่อสู้รายใหม่ เพราะหากเรามัวแต่ยึดติดอยู่กับอดีตที่หอมหวาน หรือผลงานที่ดีเยี่ยม....ความมั่นใจเราจะสูงเกินไป แล้วมันก็จะย้อนมาเข้าตัวเราแน่นอน...เจ๊งลูกเดียวครับ!!

ช่วงนี้อากาศแปลกๆชอบกล สงสัยจะไม่สบาย ขอตัวไปนอนก่อนดีกว่าครับ แล้วพรุ่งนี้จะมาเขียนนอกเรื่องนิดนึงว่า "ทำไมเด็กไทยควรทำงานก่อนแล้วค่อยเรียนต่อปริญญาโทหรือเอก" ครับ ^___^

Tuesday, March 23, 2010

Wizard's Road # 29

ตลาดปิดไปได้ 20 นาทีที่แล้วครับ....เหนื่อยสายตัวแทบขาด ปวดตามั่กๆเลยครับ เนื่องจากวันนี้วอลุ่มซื้อขายก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงเอามากๆ ที่สำคัญตลาดวันนี้เล่นยากกว่าเมื่อวานครับ (สำหรับผมน่ะ)

มีความพยายามที่จะทุบ PTT ให้ได้...แต่มีการเติม BID ใส่ตลอดทั้งในรูปแบบของการโชว์ bid และซ่อน bid ซึ่งถ้าสังเกตุให้ดีๆ...นั้นแหล่ะครับ คือ การเตือนว่า จะเอาหุ้นขึ้น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ

วันนี้การเทรดถึงแม้จะยากกว่าเมื่อวานที่มีเทรนด์การขึ้นลงค่อนข้างชัดเจน...แต่ผมก็สามารถทำกำไรได้ประมาณ 50% ของกำไรที่ไว้เมื่อวานครับ...ตัวผมเองพอใจเป็นที่ซู้ดดดด

ช่วงเช้า CEO ได้เรียกไปคุยครับ ข่าวดีน่ะครับ ไม่ใช่เรียกไปเพื่อยื่นซองขาวให้ผมครับ ฮ่าๆๆๆ
ผมได้เพิ่มจำนวนสัญญาเรียบร้อยแล้วครับ จาก 3 เป็น 5 สัญญา และมีการคุยตกลงกันเรื่องส่วนแบ่งจากกำไรที่ทำได้ ซึ่งก็เปรียบว่าผมได้เลื่อนระดับจาก trader level 1 เป็น level 2 เรียบร้อยแล้วครับ...ดีใจมากๆเลยครับ ^____^ เหลืออีกแค่ level เดียวเท่านั้นที่ผมต้องการ ความฝันต่างๆที่หวังไว้ว่าจะทำ ก็ใกล้จะเป็นจริงแล้วครับ...

               ..............เป้าหมาย มีไว้ให้พุ่งชน!!..........

พอดีได้เข้าไปอ่านใน blog ของ fundmanagertalk.com มาครับ มีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพเทรดเดอร์นิดหน่อย แต่คิดว่าเป็นประโยชน์ทีเดียวสำหรับ พี่ๆน้องๆ ที่อยากจะมาทำในสายงานนี้ครับ เชิญอ่านได้เลยครับ

งาน Trader
จะว่าไปแล้วงาน Trader ก็จะคล้ายกันกับงาน Fund Manager ในระดับหนึ่ง สำหรับ Trader ที่ทำอยู่กับโบรคเกอร์ โดยมากจะเรียกว่า Proprietary Trader หรือ (Prop Trade) สิ่งที่ต่างจากงานผู้จัดการกองทุน คืองานผู้จัดการกองทุนมักจะวัดผลประกอบการเทียบกับดัชนีอ้างอิง เช่นกองทุนหุ้นก็เทียบกับ SET Index ส่วนงาน Prop Trader มักจะวัดผลงานเป็น Absolute Return  และมีจุด Cut loss เช่น บริษัทอาจให้เป้าคุณเป็นผลตอบแทน 12% ต่อปี และ Stop Loss ที่ 8% ยกตัวอย่าง หากคุณมีพอร์ตที่ต้องดูแล 100 ล้านบาท หากสิ้นปีพอร์ตคุณเกิน 112 ล้านบาทก็เรียกว่าเกินเป้า และหาก ณ จุดเวลาใด หากพอร์ตแตะ 92 ล้านบาท เท่ากับว่าคุณต้องปิดโต๊ะ และหยุด Trade ทันที เพราะขาดทุนถึงจุด Stop Loss แล้ว สำหรับงาน Trader ในธนาคารพาณิชย์ก็มักจะฝังตัวอยู่กับแผนก Treasury เช่นกัน แต่ผลิตภัณฑ์หลัก ๆ จะเป็น ตราสารหนี้ และ Derivatives เช่น Interest Rate Swap, FX Swap, รวมไปถึงการ trade เงินตราต่างประเทศ ซึ่งแต่ละปีคุณก็มักจะได้ Budget (กำไร) มาเป็นเป้าหมายเช่นกัน โดยถ้าคุณทำการ draw เงินเพื่อนำมาลงทุนก็จะมีการคิดต้นทุนของเงินทุนที่คุณกู้มาด้วย สำหรับผลตอบแทนจากการ Trade หลัก ๆ แบ่งออกเป็น ผลตอบแทนจากการถือครอง Position ซึ่งเรียกว่า  “Carry” และกำไร (Capital Gain) งานในสาย Trader นี้คุณจะต้องมีความกล้าตัดสินใจสูง มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะการ Valuation และที่สำคัญคือต้องมีวินัย (Discipline) ในการทำงาน โดยเฉพาะการทำกำไร / ตัดขาดทุน เพราะหากคุณขาดวินัย และปล่อยให้อารมณ์เข้าครองงำ นั่นอาจจะหมายถึงความเสียหายอย่างมากต่อองค์กรที่คุณทำงาน

โชคดีมีชัยครับ

Monday, March 22, 2010

Wizard's Road # 28

13:55 น. วันที่ 22 มีนาคม 2553

   วันนี้ขออัพเดทสถานการณ์ตลาดหุ้นบ้านเราตั้งแต่พักเที่ยงเลยน่ะครับ

- นานๆทีถึงจะเห็นวอลุ่มซื้อขายครึ่งเช้า 20,000 กว่าล้านบาทครับ มีแค่ไม่กี่ครั้งในรอบปีที่จะได้เห็นครับ
- ช่วงบ่ายนี่ ดูแล้ว SET บ้านเราจะลงน่ะครับ เพราะ อาตี๋ทั้งหลายรวมถึงฝั่งยุโรป ก็ยังคงลงกันมาอย่างต่อเนื่อง

- ตลาดปิดเรียบร้อยครับ...40,000 ล้านกว่าบาทคตรับสำหรับวอลุ่มตลาดทั้งหมด!! สุดยอดจริงๆครับ
  SET กับ TFEX สวิงมากๆครับ ขึ้นลงทีแรงทีเดียว ใครอยู่ผิดฝั่งนี่ คาดว่าต้องลาบวชกันไปเป็นแถวๆแน่นอนครับ

- วันนี้เป็นวันที่ผมเทรดได้สนุกที่สุด เทรดได้มีสมาธิที่สุด และก็ทำกำไรไ้ด้สูงสุดตั้งแต่เคยทำมาเลยทีเดียว ก็ประมาณ 53.87% ของเงินทุนครับ ^_____^ ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ^____^

- พรุ่งนี้ คาดว่าผมจะเข้าไปคุยกับ CEO เพื่อขอเพิ่มจำนวนสัญญาจาก 3 เป็น 5 สัญญาครับ เผลอๆอาจจะได้เพิ่มเป็น 10 เลยก็ได้ อิอิ...แต่อย่างไรก็ดี ผมจะขอแค่ 5 สัญญาครับ เนื่องจากการที่จะพุ่งกระโดดจาก 3 ไปเป็น 10 เลยนั้นเนี่ยะ มันคือความเสี่ยงครับ

เสี่ยงอย่้างไร?

บางคนอาจจะบอกว่า High Risk High Return แต่ผมขอแย้งว่า การที่มี 10 สัญญาในมือนั้น เสี่ยงแน่นอนครับ เพราะผมเคยเทรดแค่ 3 สัญญา ถ้าจะให้กระโดดไป 10 สัญญาเลยนี่ อาจจะทำให้ใจแกว่ง มีผลต่อการตัดสินใจได้ครับ ดังนั้นแล้วค่อยๆเป็นค่อยๆไปจะดีกว่า..ช้าๆได้พร้าเล่มงามครับ

อีกเหตุผลนึงก็คือ Money Management --> การที่หน้าตักในมือเราเพื่มขึ้นเนี่ยะ โดยธรรมชาติแล้ว จะทำให้เรามีความฮึกเหิมเพิ่มขึ้น ความมั่นใจในการเทรดก็มากขึ้นแ่น่นอน แต่ถ้าเราไม่มี "วินัย" และความกล้าที่จะ "Cut Loss" แล้ว...สุดท้ายต่อให้มีวงเงินมากขนาดไหนก็...เจ๊ง!! ฟันธง!!

พรุ่งนี้ตลาดหุ้นคงจะสวิงอย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ...ผมยังคงมองว่าจะมีการปรับฐานอย่างแน่นอน ถ้าขึ้นก็คงไปได้อีกไม่ไกล...แต่ก็อย่ามั่นใจน่ะครับ..เพราะ

 ....คนที่อยู่รอดในตลาดหุ้นอันโหดร้ายนี้ได้ คือ คนที่ปรับตัวเองให้เข้ากับตลาดได้ดีที่สุด...

โชคดีมีชัย รวยทรัพย์ครับ

Friday, March 19, 2010

Wizard's Road # 27

Happy last trading day of the week ครับ...^______^

ตลาดวันนี้เป็นหนังคนละเรื่องเดียวกันกับเมื่อวานครับ...จากแดงเป็นเขียวสดใส บวกกระจายยยยย
ก็ไม่ทราบว่า สภาพบ้านเมืองเศรษฐกิจของเรานี่ มันดีกว่าตลาดรอบโลกตรงไหน ถึงได้ขึ้นเอาเป็นเอาตายไม่มีหยุดพักบ้างเลย...เหอๆๆๆ

สัปดาห์นี้ ถือว่าการเทรดของผม กำไร 5 วันติดครับ....กำไรอาทิตย์เดียวก็ทำไป 30% กว่าๆ ถือว่าดีกว่าอาทิตย์ที่แล้วเยอะครับที่เสียไป 10% กว่าๆ เหอๆๆ...ชีวิตนี้ต้อง MAX!! เท่าันั้นครับ..สวิงสุดๆ

วันนี้เทรดเต็มไม้บ้าง ไม่เต็มบ้าง แต่ทำกำไรไป 19 จุด...อึ้งกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไปได้ไง แต่ก็คงเป็นเพราะตลาดวันนี้ค่อนข้างมีทิศทางที่ชัดเจน จะยกก็ขึ้นไปยาวๆ จะทุบก็กดมาชัดๆ...อาจจะเป็นโชคดีของผมด้วยก็ได้ครับ...^___^

Have a great weekend na kub ^______^

Thursday, March 18, 2010

Wizard's Road # 26

สุโค่ยคับกับตลาดหุ้นบ้านเรา...ลงมาปิดแดง -6 จุดกว่าๆ อย่างที่ได้คาดการณ์เอาไว้เลยว่า SET ต้องโดนกองทัพแดงบุกวันนี้ ^____^

อย่างไรก็ตาม....พี่หรั่งอีกแล้วครับที่ซื้อ ซื้อ และก็ซื้ออยู่นั่นแหล่ะ ไม่รู้จะซื้อไปถึงไหน เฮ้ออออ

วันนี้การเทรด เน้นไปทางขาลงครับ แต่ที่ทำให้ผมเซ็งติ๊วก็คือการที่ต้องมาคัทลอส เสียไป 6 จุด เต็มๆ อันเนื่องมาจากระบบส่งคำสั่งของทางบริษัทมีความผิดพลาดเกิดขึ้น T___T''

แต่สุดท้ายก็ได้คืนมากำไร 10 จุด เย้! อาทิตย์นี้ยังปิดด้วยกำไรทุกวันครับ หวังว่าพรุ่งนี้ก็คงปิดเขียวได้เช่นเคยน่ะครับ จะได้พักผ่อนช่วงเสาร์ อาทิตย์ได้อย่างสบายกาย สบายใจ หุหุ

ช่วงนี้จังหวะการเทรดของตลาด จะเริ่มสวิงมากๆแล้วน่ะครับ เนื่องจาก เจ้ามือเก่า เจ้ามือใหม่ พี่ปอบมือเล็ก พี่ปอบมือเติม รวมถึงรายย่อย รายยุ่ยทั้งหลาย จะเริ่มมาผสมโรง มะรุมมะตุ้มรุมรักพี่ SET และน้อง TFEX กันใหญ่เลย....ดังนั้นก็ควรระมัดระวังการเทรดให้ดีๆน่ะครับ

Wednesday, March 17, 2010

Wizard's Road # 25

วันนี้เหนื่อยครับ...ตลาดเล่นเปิดกระโดดมาซะ 8 - 9  จุด...ก็ต้องเริ่มเดาใจว่าจะดันต่อหรือจะขายทำกำไร..สรุปว่า สวิงกิ้ง เกี๊ยวหมี่ กันกระจายครับ....ลงแล้วก็ขึ้น แล้วก็ขึ้นแล้วก็ลง...ปวดหัว ปวดตา ปวดมือเลยครับ เหอๆๆ....

พี่หรั่งก็ซื้อกันบ้าคลั่งอีกตามเคยครับ 3 พันกว่าล้าน พี่กองก็เอาไป 1 พันล้าน พี่ปอบอย่างเราๆก็ยังซื้อกันเข้าไป...ไม่รู้จะเอาขึ้นไปถึง 800 จุดเลยรึไง...ไม่เข้าใจจริงๆครับ...

...แต่สำหรับผม...พรุ่งนี้แดงเถือกครับ...เหตุผลมีไม่มากครับ...สัญญาณทางเทคนิค เริ่มโชว์ว่า SET และ S50H10 ขึ้นมาแบบ super overbought ในทุกรายนาทีเลยครับ...พร้อมกับสัญญาณทางแท่งเทียนที่โชว์สัญญาณว่าวันพรุ่งนี้ SET จะไม่ปิดเท่ากับราคาปิดวันนี้แน่ๆ....เรื่องนี้ค่อยมาดูกันน่ะครับว่าผมจะคาดเดาถูกรึเปล่า...(สวนกระแสกันเห็นๆ)

การเทรดวันนี้นั้น เล่นเอาผมหัวใจจะวายครับ...เล่นเยอะ เล่นมากครั้งสุดเกือบๆ 200 สัญญา (เข้า - ออก น่ะครับ) ซึ่งก็เล่นเอาผมงงเหมือนกันว่า นี่ตรูเล่นมากขนาดนี้เลยรึนี้ ถือว่าโดนค่าคอมไปหลายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ปิดด้วยกำไรอีก 4-5 จุดครับ...ก็ถือว่าอาิทิตย์นี้สามารถทำกำไรได้ทุกวันครับ 3 วันทำกำไรไปเกือบ 20 จุด ....^____^

วันนี้ PTT กับ PTTEP มีการยกไม้บิ้กเบิ้มโชว์อีกแล้วครับ ไม้ละล้านหุ้น...ตลาดสะเทือนเลยทีเดียว T^T

ช่วงนี้การเทรดของผมค่อนข้างไปในทิศทางที่ดีทีเดียว และมีแนวโน้มว่าจะได้เพิ่มจำนวนสัญญาจาก 3 เป็น 5 สัญญาในไม่ช้า...ถ้าคาดการณ์ไม่ผิด ภายในอาทิตย์หน้า ก็คงได้เพิ่มจำนวนสัญญาแล้วครับ...ลุ้นๆๆ

ช่วงนี้ควรระมัดระวังการเทรดเป็นอย่างยิ่งน่ะครับ

.....เมื่อรายย่อยฮึกเหิมและมั่นใจว่าหุ้นจะเป็นขาขึ้นแน่นอน....เมื่อนั้นแหล่ะ "ขาย"!!!

Tuesday, March 16, 2010

Wizard's Road # 24

...น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาท่อนซุงมาขวาง...

   คำคำนี้เหมาะสมที่สุดกับตลาดหุ้นไทยวันนี้แล้วครับ....ทั้งๆที่ตลาดหุ้นเพื่อนร่วงระเนระนาด น้ำมันก็ลงเกือบเหรียญ สภาวะบ้านเมืองก็ใช่ว่าจะปกติดี....

แต่....บวกกระจายคร้าบพี่น้องคร้าบบบบ...

วันนี้กลับกลายเป็นฝั่งสถาบันที่เป็น Net Buyer ด้วยแรงซื้อ 2 พันกว่าล้าน + พี่หรั่งอีกพันกว่า พร้อมทั้งพี่ปอป (Prop trade.) ก็ซัดไป 800 กว่าล้าน...ซื้อกันเข้าไป อย่างกับว่าจะมีข่าวดีอะไรในวันสองวันข้างหน้าแหน่ะ...

..เอ๊ะ..หรือว่า พี่มากกกก จาาาา ยุบบบบบบ... 5555

การเทรดวันนี้ ถือว่าค่อนข้างดีทีเดียวครับ อาจจะไม่สามารถทำกำไรได้เท่ากับเมื่อวาน แต่ก็ได้ไป 7 จุด เป๊ะๆ...ตอนแรกๆก็มีไม้ขาดทุน จากการดื้อรั้นของตัวเอง ที่ไม่ยอมเชื่อเครื่องมือทางเทคนิคที่ได้ตั้งไว้ และใช้อยู่เป็นประจำ.....อยากลองของ ก็เลยเจอดีครับ...

โชคดีที่ว่า สามารถกลับมาเป็นทหารที่มีวินัย ไม่ดื้อรั้นกับความคิดตัวเอง...เล่นตาม flow ของตลาด เก็บกำไรไปเรื่อยๆ ก็เลยเปลี่ยนจากขาดทุน 3 จุด เป็นกำไร 7 จุดได้...

ที่น่าเสียดายคือ ผมมาหยุดเทรดช่วง 4 โมงครึ่ง ทั้งๆที่มั่นใจว่า TFEX จะไปทะลุ 534 ในช่วงท้ายแน่นอน..(ตอนนั้นราคาอยู่ที่ 532.5 ) แต่ด้วยความพอใจในกำไรที่มีอยู่ ก็เลยคิดซะว่า

....ตลาดหุ้นไม่ได้มีให้เล่นวันเดียว หากโลกไม่แตก ก้มีโอกาสให้ตักตวงอยู่เสมอ....

วันนี้ก็เลยกลับบ้านอย่างสบายแฮ + ออกกำลังกายอย่างผ่อนคลาย

อาทิตย์นี้ตลาดเทรดสนุกแน่นอนครับ...โชคดีครับทุกท่าน

Monday, March 15, 2010

Wizard's Road # 23

Live from the Office... 17:18 น.

- วันนี้การเทรดเป็นไปได้ด้วยดีครับ..ช่วงแรกค่อนข้างจะเป๋ๆไปเหมือนกัน...โดนไป 5 จุดกว่าๆๆ แต่หลังจากนั้นก็ เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ.....ได้คืนมาทบต้นทบดอก 15 จุด...ถือว่าประสบความสำเร็จครับ แล้วสามารถดึงความมั่นใจในการเทรดของตัวเองกลับมาจนได้

- ตลาดโดยรวมวันนี้ ถือว่าค่อนข้างชวนให้นอนฝันดีจริงๆครับ มีไม้ใหญ่ๆ ให้ตลาดสวิงเล่นกันไม่เกิน 5 ครั้งครับ แต่โดยรวมก็ถือว่า เป็นวันที่น่าพอใจทีเดียว

- พี่หรั่งอีกแล้วครับ ซื้อเอาๆๆ วันนี้ก็ฟาดไป 1.3 พันล้านบาท ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน...ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแรงขายบ้าง เนื่องจากตลาดรอบโลกแดงเถือกกันหมด แต่ SET เรากลับพยุงตัวได้อย่างสุดยอด

..........SET ไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ........
 
 
 กลับบ้านแล้วครับ...ช่วงนี้โดนทักว่าผอมไป ต้องไปฟิตหุ่นซะแว้วววว เด๋วคุงแฟนไม่รัก ฮ่าๆๆ

Friday, March 12, 2010

Wizard's Road # 22

ไม่ได้อัพมา 2 วัน...


วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเทรดอาทิตย์นี้...สรุปง่ายๆคับว่า 


.....เทรดอาทิตย์นี้....เทรดได้แบบ ม่ายหล่ายดั่งใจเลย....เจ๊งบ๊งครับพี่น้องคร้าบบบบบบ...


กำไรที่ทำมาแทบตาย หายไปเกือบหมดครับ...ซึ่งสาเหตุหลักๆก็คือ


1) จำนวนสัญญาที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 สัญญา ทำให้เวลาเสียแต่ละครั้ง ก็จะสูงมากขึ้น
2) ผมสังเกตุตลาดอาทิตย์นี้ ค่อนข้างแปลกครับ วิธีการเล่นของเจ้ามือทั้งหลาย ทั้งหุ้นและ TFEX เปลี่ยนรูปแบบไปอีกแล้ว...อันนี้ก็ต้องนั่งดูกันต่อไปครับ 
              
            ......ตลาดจะสอนเราเรื่อยๆ อยู่ที่ว่าคุณ "ใจ" พอ ที่อยู่กับมันได้รึเปล่า....


3) ความมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มมากขึ้น ก็เสมือน "ดาบสองคม" ที่พร้อมจะกลับมาทิ่มแทงเราได้เสมอครับ


ดังนั้นแล้ว อาทิตย์หน้าผมอาจจะต้องเปลี่ยนสไตล์การเทรดใหม่ จากที่เข้าเทรด ถี่ๆ บ่อยๆ อาจจะต้องมาเป็นแนวนิ่งๆ มองให้ขาด มั่นใจแล้วถึงจะเข้า...ถึงแม้ว่าอาจจะได้กำไรน้อยกว่าเดิม แต่ ถ้าทำกำไรได้ทุกวัน ไปเรื่อยๆเนี่ยะ ย่อมเป็นผลดีต่อตัวเทรดเดอร์และบริษัทครับ...สู้โว้ยยยยย อิอิ


วันนี้ตลาดค่อนข้าง "แว๊นซ์" มากๆครับ...(แว๊นซ์ = กวนตรีน) 
  - ทุบลงช่วงเช้า ไล่ซื้อกลับช่วงบ่าย


สาเหตุที่เรามาลองมองกันดูเนี่ยะ ผมอยากจะขอนำบทความของหัวหน้าทีมเก่าของผม คือพี่ "หมากเขียว" ผู้ที่มีชื่อเสียงในห้องสินธร ในเว็บบอร์ด Pantip.com มาให้อ่านน่ะครับ เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดหุ้นกับการเมืองที่ร้อนระอุ เดือดปุปุ ในขณะนี้....น่าสนใจ แล้วอาจจะตอบโจทย์ของทุกท่านที่สงสัยได้ว่า ในเมื่อทุกอย่างในบ้านเมืองดูย่ำแน่...แต่ไฉนแล้ว ฝรั่งถึงซื้อเอาซื้อเอา...


"เมื่อวานผมติดไว้ว่าวันนี้ผมจะลองมาวิเคราะห์ดูว่า ทำไมฝรั่งเข้ามาไล่ซื้อช่วงนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ ฝรั่งไม่กลัวหรือไง ฝรั่งคิดอะไรอยู่ หรือว่าฝรั่งมองการเมืองขาดกว่าเรา หรือว่าเป็น “กลลวง”?

การที่เนวิน บินออกนอกประเทศ แสดงว่า เนวินคาดการณ์ว่า หากเกิดความวุ่นวายขึ้นตัวเองอาจจะเป็นแพะว่าเป็นตัวป่วนเสื้อแดง หรืออาจจะเป็นตัวป่วนจริงๆ จึงเผ่นก่อนเพื่อความปลอดภัย แปลความสั้นๆ ได้ว่า “ไม่ชัวร์ในสถานการณ์”

การที่คุณหญิงและลูกๆ บินออกนอกประเทศ แสดงว่า นายใหญ่คาดการณ์ว่า อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นจาก

1.การปะทะกันระหว่างแดงที่จะเข้าเมืองกับกองกำลังที่จัดทัพไว้เพื่อไม่ให้เข้าเมืองที่ อ.วังน้อย และประตูน้ำพระอินทร์

2. จากแดงแตกแถว ซึ่งมีให้เห็นเป็นระลอกและเริ่มคุมไม่อยู่

3.มือที่สาม ในกลุ่มเนวินและพวกพ้อง

4.มือที่สี่ เพื่อหวังการปฏิวัติ จึงเผ่นก่อนเพื่อความปลอดภัย แปลความสั้นๆ “ไม่ชัวร์ในสถานการณ์” อีกเหมือนกัน

การที่นายก รองนายก และรัฐมนตรีหลายท่าน ต้องไปอยู่เซฟเฮ้าส์ ก็แสดงถึงความ “ไม่ชัวร์ในสถานการณ์” อีกเหมือนกัน

ผู้ที่เกี่ยวโดยตรงกับสถานการณ์ครั้งนี้ ไม่มีความชัวร์เอาเสียเลยกับสถานการณ์ที่น่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ทำไม ฝรั่งกลับซื้อเอาๆ

เป็นไปได้ไหมว่าฝรั่งคิดแบบนี้

1.หากมีเหตุวุ่นวาย แกนนำทั้งหมดของเสื้อแดง ถูกเข้าคุกแน่นอน เรื่องจบ

2.หากไม่มีเหตุวุ่นวาย ชุมนุมโดยสงบ เรื่องจบ

3.นายก ประกาศยุบสภา เรื่องจบ

4.ทหารปฏิวัติ เรื่องจบ

คือ ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันจบ และอะไรที่ “จบ” ไม่ “คลุมเครือ” ตลาดมักจะตอบสนองในทาง “ที่ดี” เลยไล่ซื้อดักไว้ก่อน เพราะต้นทุนของฝรั่งในรอบก่อนนู๊น มันถูกมาก ซื้อเพิ่มตอนนี้หากลง ไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ถ้าถูกทาง กำไรมหาศาล

หรือ เป็นแค่ “กลลวง”?

ฝรั่ง ปลอมตัวมาเป็น “รายย่อยที่ไม่ธรรมดา” ที่คุณ 4a4j แห่งสินธร พันทิปดอทคอมได้ตั้งข้อสังเกตไว้เมื่อเดือนที่แล้ว พอได้ต้นทุนถูกๆ มาแล้ว ต่อมาก็แกล้งทำมาเป็นไล่ซื้อช่วงนี้เพื่อล่อรายย่อยเข้าไปติดกับ ให้มั่นใจว่าฝรั่งซื้อติดต่อกันแล้วจะต้องมีบางส่วนที่ตามก้นฝรั่งบ้าง แล้วค่อยไปเทขายที่ราคาสูงๆ

จะเป็นแบบใด ผมไม่อาจรู้ได้ แต่ที่มั่นใจคือ “น่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่” จะมากหรือน้อยกว่าช่วงสงกรานต์เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการว่าคุมอยู่หรือ ไม่

ดังนั้นเทรดด้วยความระมัดระวังครับ"





Credit: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mhakkeaw


โชคดีสุดสัปดาห์ครับ

Tuesday, March 9, 2010

Wizard's Road # 21

สุดๆ ครับกับตลาดหุ้นบ้านเรา...ณ เวลานี้ แทบไม่ต้องดูอีกแล้วว่าตลาดหุ้นรอบโลกเป็นอย่างไร ตราบใดที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังร้อนระอุ ปุ ปุ ปุ อยู่อย่างนี้ ดังนั้น ควรจะปล่อยให้พี่หรั่งเค้าซื้อไปเถอะครับ...ขอถอยมาตั้งหลักรอดีกว่า..อะไร จะเกิดวันข้างหน้า ก็สุดแต่คาดเดาจริงๆ

วันนี้เทรดออกมา เป็นขาดทุน ทั้งๆที่ทำกำไรช่วงเช้าได้พอสมควร เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากครับ...ใช้อารมณ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจด้วย ก็เลยต้องคืนเงินให้ตลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ...มีได้ มีเสีย คือสัจธรรมในวงการหุ้นครับ..แค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้ ได้มาก มากกว่าเสีย ครับ

Monday, March 8, 2010

Wizard's Road # 20

- วันนี้ตลาดหุ้นบ้านเราวิ่งสวนทางกับตลาดโลกครับ...ลงเอาๆ ตั้งแต่เช้าเลยครับ ดีที่ว่ามีแรงซื้อของพี่หรั่งเข้ามาดันกลุ่มพลังงานช่วงบ่าย SET ก็เลยปิดดีกว่าที่คิดไว้ แต่ก็ยังติดลบอยู่ดีครับ

- วันนี้เทรดค่อนข้างเยอะครับ...แล้วก็ทำกำไรได้เกินกว่าที่คาดไว้คือ 10.5% ของพอร์ทครับ..^____^

- CEO ได้มาคุยกับผม แ้ละได้บอกว่า ถ้ายังรักษาระดับการทำกำไรระดับที่ทำอยู่ได้ อาทิตย์หน้าก็จะให้สัญญามาเล่นเพิ่ม จาก 3 เป็น 5-7 สัญญาเลยครับ....^___^

Sunday, March 7, 2010

Wizard's Road # 19

Money management สิ่งสำคัญเพื่อการบริหารพอร์ท Forex ให้ได้กำไร

ทำไม Money management ถึงสำคัญ เพราะเราต้องการที่จะทำกำไร เราต้องเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน แต่คนส่วนมากได้มองข้ามมันไป

Trader หลายคน เทรดโดยที่ไม่มีหลักการ และดูแค่ว่าสามารถเสียได้เท่าไรในการเทรด 1 ครั้ง แล้วก็เทรดเลย อย่างนี้ค้าเรียกว่าการพนันไม่ใช่ การลงทุน

ถ้า คุณเทรดโดย ไม่ใช้ Money management นั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นพนันอยู่ คุณไม่ได้มองการลงทุนระยะยาว คุณกำลัง รอ jackpot การบริหารเงินไม่เพียงช่วยเราป้องกันเงินทุน ยังสามารถทำมีกำไรในระยะยาวอีก แต่ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นแบบรอ jackpot เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เรามาดูตัวอย่างกัน

Casino หรือ เจ้ามือ คนเหล่านี้ เก่งเรื่อง สถิติ เค้ารู้ว่าระยะยาวแล้ว เจ้ามือจะเป็นคนได้เงิน ไม่ใช่นักพนัน ถึงจะมีคนถูกรางวัล Jackpot เป็นเงินก้อนโต แต่ก็จะมีนักพนันอีกมากกว่าร้อยที่ไม่ถูก Jackpot แล้วเงินเหล่านี้ ก็จะเป็นของเจ้ามือ

อันนี้เป้นตัวอย่างที่ทำให้เห็นวา สถิติ สามารถ สร้างกำไรได้เหนือกว่า การพนัน
ในทางสถิติ หรือ เจ้ามือ ในกรณีนี้รู้ว่าจะควบคุมความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร ถ้าทำได้ คุณก็จะมีกำไร

ทีนี้คุณจะทำยังไงถึงจะเป็น นักสถิติที่ดีได้ ไม่ล้มเหลว

Money management นั้นสามารถทำกำไร ได้ในระยะยาว ถ้าไม่ใช้กฎของ Money management จะเกิดอะไรขึ้นเรามาดูตัวอย่าง

สมมติว่า คุณมีเงินอยู่ $10000 และคุณเสียไป $5000 คุณเสียไปทั้งหมดกี่เปอร์เซนต์ คำตอบคือ 50 เปอร์เซนต์ แล้วคุณต้องทำกี่เปอร์เซนต์ เงิน $5000 ของคุณ ถึงจะกลับไปเท่าเดิมคือ $10000 คุณต้องทำถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ 50 เปอร์เซนต์ เค้าเรียกว่า Drawdown จะเห็นว่ามันน่าหงุดหงิดมาก เพราะมันง่ายมากในการเสียไป แต่ได้กลับคืนมาเท่าเดิมนั้น ยากกว่า ซึ่งผู้อ่านคงไม่คิดที่จะเสีย เทรดเดียว 50 เปอร์เซนต์ ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดเสีย 3, 4 หรือ 10 เทรดติดกันล่ะ มันดูเหมือนจะเกิดได้ยากถ้าคุณคิดว่าคุณมี trade system ที่มีเปอร์เซนต์ชนะ 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคุณไม่มีทางเสีย ติดต่อกันได้ถึง 10 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณมี Trade system ที่ดี ในการเทรด Trade system ที่ทำ profitable ได้ 70 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนเป็น system ที่ดีมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่า ใน100 เทรดคุณจะชนะ 70เทรด คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่า 70 ใน 100 เทรดจะชนะ คุณไม่มีทางรู้ได้ คุณ อาจจะเสีย 30 เทรดแรก แล้วไปชนะ 70 เทรดที่เหลือ ซึงยังให้ผลที่ 70 เปอร์เซนต์ แต่คุณก็คงเสียหายหนัก

จากตัวอย่างจะทำให้รู้ว่า Money management นั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมี Trading System ดีสักเท่าไร แต่ก็ต้องมีที่คุณเสีย เหมือนผู้เล่น Poker มืออาชีพ ถึงเค้าจะเล่นเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเค้าก็จะจบด้วยกำไร

ผู้เล่น Poker เก่งๆจะฝึกฝน Money management เพราะเค้ารุ้ว่าไม่สามารถชนะได้ทุกเกมส์ เค้าจะเล่นด้วยจำนวนเงินที่น้อย จากเงินทั้งหมดที่เค้ามี มันสามารถทำให้เค้ารอดพ้นจากการเสียครั้งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำในฐานะ trader เทรดใน เปอร์เซนต์ที่น้อยจากจำนวนเงินที่มีทั้งหมด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อคุณฝึกฝน และ เคร่งครัดกับ Money management คุณ จะเปลี่ยนจากนักพนัน กลายเป็นเจ้ามือ ที่จะทำกำไรได้ระยะยาว

รูปตัวอย่าง ความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นเปอร์เซนต์น้อย และคนที่เล่นโดยใช้เปอร์เซนต์สูง

 

 

คุณจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันมากระหว่าง การเล่น 2 เปอร์เซนต์เมื่อ เทียบกับ 10 เปอร์เซนต์ ของเงินทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง ถ้าคุณเสียติดต่อกัน 19 ครั้ง
การลงด้วยเงิน 10 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสีย 85 เปอร์เซนต์จากเงินทั้งหมด !!!!
แต่การลงด้วยเงิน 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสียแค่ 30 เปอร์เซนต์ของมาจิ้นเท่านั้น
แต่ มันคงเกิดขึ้นได้ยาก งั้นมาดูแค่การเสีย 5 ครั้งติดต่อกัน ถ้าคุณลง 2 เปอร์เซนต์คุณจะมีเงินเหลือ 18447 แต่ถ้าคุณลง 10 เปอร์เซนต์ จะเหลือเงินแค่ 13122 ซึ่งจะมากกว่าการเสีย ติดต่อกัน19 ครั้งของ การลง 2 เปอร์เซนต์ซะอีก!!!

จุดประสงค์ที่ยกขึ้นมานี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การใช้ Money management เมื่อตอน drawdown คุณยังมีเงินทุนเหลือพอที่จะเล่นต่อไป คุณลองคิดว่าถ้าคุณเสีย 85 เปอร์เซนต์ของเงินทั้งหมด คุณต้องทำให้ได้ 566 เปอร์เซนต์ของเงินที่เหลือ เพื่อให้เท่าทุน คุณคงไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
อันนี้คือตารางที่ จะทำให้คุณรู้ว่าจากการ ขาดทุน คุณต้องทำเท่าไรถึงจะเท่าทุน

 

คุณจะเห็นว่า ยิ่งเสียมากมันก็ยากที่จะ ทำให้มันกลับมาเท่าทุน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Money management

Risk to reward
เป็นการเทรดที่ อัตราส่วนอยู่ที่ 3 ต่อ 1 คือ Winner trade ต้องมากกว่า 3 เท่าจาก looser trade ถ้าเทรด แพ้ และ ชนะ สลับกัน
Profitable trade จะอยู่แค่ 50 เปอร์เซนต์ แต่เรามีกำไร นะครับ



  

Credit http://www.babypips.com/school/money_management.html



 

 

Friday, March 5, 2010

Wizard's Road # 18

วันนี้ตลาดหุ้นและ TFEX เจอแรงตบ (ย้ำ! ว่าเจอตบครับ) ไม้ใหญ่ๆ ในหมวดพลังงานครับ..แต่กระนั้น ยอดซื้อขายของฝรั่งก็ยังเป็น +2,000 กว่าล้านบาทอีกครั้งหนึ่ง...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะซื้อๆๆๆๆเข้าไปเพื่ออะไรกันขนาดนั้น...สงสัยว่าพี่หรั่งจะดัน SET ไป 800 จุดแน่ๆ ^____^

หลังจากที่ได้ทดลองเล่นครั้งละ 2 สัญญาไปเมื่อวาน วันนี้ผมก็ได้ทดลองเทรดครั้งละ 3 สัญญาเป็นครั้งแรก...ฟังดูเหมือนว่า 3 ก็ไม่ต่างจาก 2 หรอกใช่มั๊ยครับ....ต่างกันเยอะครับ...

 .............อารมณ์ในการเทรดครับ..........

เพราะทุกจุดที่ขยับไม่ว่าจะถูกทางหรือผิด จำนวนกำไรขาดทุนที่ได้เสียนั้น ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย พูดง่ายๆคือ...เสียวค้าบบบบ!!

ข่าวดีสุดของผมก็คือ..วันนี้ผมสามารถทำกำไรได้สูงสุดตั้งแต่เริ่มทำอาชีพ Prop. Trader มาได้ 14 วันครับ...ทำให้ผมต้องการกำไรเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อที่ได้จะขอสัญญาเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา เป็น 5 สัญญา ซึ่งจะทำให้ผมมีโอกาสที่จะทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้นครับ...

.....อดทนอย่างมั่นคง เทรดอย่างมุ่งมั่น ผลตามมาคือ กำไรของชีวิต....

Wednesday, March 3, 2010

Wizard's Road # 17

- วันนี้ไปทำงานสายครับ...เนื่องจากติดภารกิจต้องทิ้งระเบิดที่ค้างคา (Shit Break!!) จากเมื่อวาน...กว่าจะคืนสภาพได้ก็เกือบไปทำงานไม่ทัน...ปรากฏว่า ผลของการที่แรงหมด หมดแรงนั่นเอง..เลยเทรดเสียในช่วงเช้าครับ...

- ช่วงบ่าย หลังจากที่เติมพลังพร้อมทั้งรู้สึกว่าสภาพท้องไส้ไม่ปั่นป่วนให้เวียนหัวอีกแล้วนั้น....บวกกับสมาธิที่เรียกกลับคืนมาได้ในอาศัยเสียงเพลงช่วย (อันนี้แนะนำเลยครับ เวลาเทรดนั้น เราต้องมีสมาธิค่อนข้างสูง เสียงเพลงก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้เป็นอย่างดีครับ)

- ปิดวันด้วยกำไรที่ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจทีเดียวครับ...ทำให้กำไรสะสมนั้นไปถึงระดับที่สามารถขอเพิ่มจำนวนสัญญา TFEX จาก 1 สัญญา เป็น 3 สัญญาได้ครับ...

- ก็เลยเข้าไปขออนุญาตจาก CEO ของบริษัท เพื่อเพิ่มสัญญา ซึ่งทาง CEO ก็ไม่ลังเลและที่ทำให้ผมปลื้มใจเป็นอันมากก็คือ CEO ได้บอกผมว่า "ผมมั่นใจว่าคุณทำได้ จนถึงระดับที่ผมคาดหวังไว้"

.....ยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียวกั๊บ...ฮ่าๆๆ

พรุ่งนี้ก็จะได้เริ่มเทรด โดยมี 3 สัญญา ในมือ...แต่ผมคงจะเริ่มเล่น 1 สัญญาไปก่อนครับ...เมื่อเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ก็จะเพิ่มเป็นครั้งละ 2 สัญญา...แล้วจะมองหาวิธีที่จะทำให้การเล่น 3 สัญญานั้นมีประสิทธิภาพที่สุดครับ...

Tuesday, March 2, 2010

Wizard's Road # 16

วันนี้ว่าจะไม่อัพเดทเรื่องแล้วน่ะครับ...พอดีเกิดอุบิตเหตุครั้งใหญ่ในชีวิตผม

....SHIT BREAKKKKKKK!!!.......ฮ๋าๆๆๆๆๆ

ภาษาวัยรุ่นก็ อึอึ๊แตก อ่ะคับ...กินอาหารเป็นพิษเข้าไป...อ้วกแตกอ้วกแตน จนเกือบไปทำงานไม่ไหว..แต่ก็ ยังพอมีแรงไปทำงานได้อยู่...

...สุดท้าย ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม ก็เลยทำให้จังหวะเทรดเสียไปหมด เลยจบด้วยขาดทุนครับ ฮ๋าๆๆ...

..ฝรั่งวันนี้ก็ยังเป็นยอด Net Buy อีกแล้วครับ 4 พันกว่าล้าน!! สงสัยจะดันไปจนทะลุ 750 อีกรอบแน่ๆเลย ไม่กลัวระเบิดหรืออะไรทั้งสิ้น...ซื้อเข้าไปเลยพี่...ผมจะได้ตามสบายตัว ฮ่าๆๆ...

วันนี้แค่นี้ก่อนน่ะครับ...สภาพยังไม่เต็มร้อย ต้องรีบเข้านอน เพื่อการเทรดที่เต็มที่พรุ่งนี้