Sunday, February 28, 2010

Wizard's Road # 15

ก็ตัดสินกันไปแล้วน่ะครับกับคดีประวัติศาสตร์...ยึดบางส่วน คือคำตอบสุดท้ายครับ...

...เมื่อกี้มีข่าว ธนาคารกรุงเทพโดนปาระเบิด 2 แห่ง...เป็นไปได้ทุกฝ่ายน่ะครับที่จะเป็นคนกระทำ...ตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น สื่อมวลชนรวมถึงประชาชนทุกคน ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ไม่ใช่เอะอะขาดเดากันไปเองน่ะครับ...สถานการณ์บ้านเราใกล้จะมาถึงจุดวิกฤติแล้ว...อะไรก็เกิดได้ทั้งนั้นครับ...

...เฉกเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นบ้านเรา....

...มีแรงซื้อกลับมาเมื่อวาน (วันศุกร์) หลังจากที่โดนแรงขายเป็นช่วงๆ...อาจจะเป็นไปได้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองเรา อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คาดคิดกันครับ...

...แต่วันอังคาร ตลาดเปิด...อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นครับ..ดังนั้น เราก็ควรที่จะระมัดระวังในการลงทุนน่ะครับ...

..อาทิตย์หน้านี้...ผมอาจจะได้เพิ่มวงเงินเทรดจากทางบริษัท เนื่องจากกำไรสะสมที่ผมทำมาใน 10 วันที่ผ่านมานั้น เกือบถึง 20% แล้วครับ...^____^

...การที่ได้วงเงินเพิ่มในการเทรด...ก็เท่ากับโอกาสที่จะทำตามเป้าหมายของผมก็เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง...

นั่นก็คือ...เงินกำไร 7 หลัก!! ซึ่งผมจะนำมาแบ่งเป็นสัดส่วนหลักๆ 3 ส่วนคือ

1. ให้พ่อแม่ของผมเอง 50% ของ เงิน 7 หลัก (ใจผมอยากจะซื้ออะไรบางอย่างให้ท่านครับ..เอาไว้ให้สำเร็จก่อน แล้วจะบอกครับว่ามันคืออะไร...ขอเวลาไม่เกิน 2 ปีครับ ฮ๋าๆๆ)

2. นำไปลงทุน 30% ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตามความเหมาะสม

3. เก็บไว้เอง 20%  ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว

อาจจะฟังดูเลื่อนลอย..แต่ ถ้าเรามีความฝันแล้วเราตั้งใจซะอย่าง..ต่อให้ต้องรออีกเป็น 10 ปี ผมก็รอได้ครับ...หรือแม้เราทำมันไม่สำเร็จ...อย่างน้อย เราก็ได้ลองที่จะทำมันแล้ว..ไม่มีคำว่าเสียดายหรอกครับ..

Thursday, February 25, 2010

Wizard's Road # 14

สุดยอดครับ!! ตลาดหุ้นบ้านเรา...สองวันแล้วที่เช้าขายแดงเถือก...บ่ายซื้อกลับแตะเขียวได้...
...นี่แสดงว่า พี่หรั่ง กะนายกอง ไม่แคร์กับข่าวตัดสินคดีพรุ่งนี้กันเลยใช่มั๊ยเนี่ยะ...

การตัดสินคดีนั้น ออกได้ 3 รูปแบบน่ะครับ

1) ยึดหมด...อันนี้ก็ใช้ว่าจะทำให้หุ้นขึ้นได้เต็มๆ เพราะนักลงทุนอาจจะกังวลกับสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้น เช่น ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น หรือ อาจจะไม่เกิดอะไรเลย (อันนี้ งมเข็มในมหาสมุทร ยังจะง่ายกว่าเลยครับ)

2) ยึดบางส่วน...ก็เป็นไปได้ว่า ตลาดหุ้นอาจจะดีดตัวได้ เพราะการที่คืนเค้าไปบ้าง ก็อาจจะทำให้ปัญหายุติได้ (แหม...เล่นเค้ามาซะขนาดนี้ จะคืนไป ก็คงขายขี้หน้าชาวบ้านเค้าแย่)

3) คืนหมด...โอกาสคือ 0.000000000001% ครับ...^___^

ดังนั้นแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นวันที่นักลงทุนต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านอาจจะ

......GET RICH or DIE POOR....... 

ได้เลยทีเดียวเชียว...^___^

สำหรับตลาดวันนี้นั้น แทบจะก๊อบปี้ตลาดเมื่อวานมาเลยครับ ก็เลยทำให้ผมพอจับทางการเล่นได้พอสมควร...กำไรก็เลยดีทีเดียว...หวังว่าพรุ่งนี้ก็จะยังทำกำไรได้อีกครับ...

...รีบไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้มีแรงลงสนามรบ...ฮ๋าๆๆๆ

Wednesday, February 24, 2010

Wizard's Road # 13

เมื่อวานไม่ได้อัพเดท เพราะว่ากลับมาจากเทรด ก็สลบเลยครับ เพลียมากๆ เพราะตลาดมีวอลุ่มค่อนข้างสูงทีเดียว..
...วันนี้ตลาดหุ้นบ้านเราอยู่ในโซนแดงทั้งวันเลยครับ มีบ้างที่ขึ้นมาหายใจแดนเขียวได้ แต่ก็ปิดตลาดในแนวลบครับ...

....กำไร สบายตัวไป...อิอิ...ถือว่าทำกำไรได้สูงสุดตั้งแต่เริ่มอาชีพ Prop Trade มาเลยทีเดียวครับ...

ยังไงผมก็ยังต้องเทรดบนหลักของ Collect Coins Theory ซึ่งผมถือว่าเป็นทฤษฏีที่ฟังดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆน่ะครับ...การที่ทำกำไรสะสมเรื่อยๆ ครั้งละไม่มาก แต่ต้องทำให้ได้ทุกวันเนี่ยะ มันต้องใช้อารมณ์ในการควบคุมตนเองไม่ให้โลภจะเอาเพิ่ม หรือเมื่อเสียแล้ว ต้องมีสติตั้งมั่น ไม่ใจเสีย...ซึ่งถ้าฝึกฝนและเพิ่มพูนประสบการณ์ในตลาดจริงไปเรื่อยๆ ทุกคนก็สามารถทำได้อย่างแน่นอนครับ...

..ขอแค่มีความตั้งใจ มุ่งมั่น มีเป้าหมายที่แน่นอน...ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างแน่นอน...

...Nothing is Impossible...คำๆนี้ ใช้ได้เสมอและตลอดไปครับ..

Monday, February 22, 2010

Wizard's Road # 12

อาทิตย์ที่ 2 ของการเทรดในฐานะ Proprietary Trader...

...ตลาดเพิ่งปิดไปครับ...เปิดตัวอาทิตย์นี้ได้ค่อนข้างดีทีเดียวกับกำไร 4% ..ซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจน่ะครับ เนืี่่องจากตลาดค่อนข้างวิ่งในแนว sideways คือ ไม่ขึ้นแรง ไม่ลงแรง ซึ่งถือว่าเล่นได้ยากมากๆสำหรับนักลงทุนซึ่งนิยมเล่นแบบ Day Trading...

..ตลาดในแต่ละเดือน หรือแต่ละวัน จะมีรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป ดังนั้น เทรดเดอร์และนักลงทุน ไม่ึควรที่จะยึดติดกับโมเดลเทรด ตัวใดตัวนึง ของตัวเอง...ควรที่จะมีอย่างน้อย 3 โมเดล ซึ่งสามารถนำมาเล่นกับตลาดในขณะนั้นได้...เช่นเดียวกัน ผมสามารถจับจังหวะการเทรดของเดือนนี้ได้แล้วว่า ถ้าขืนยังฝืนที่จะใช้โมเดลเทรดตัวเดิมที่เคยใช้ได้ผลในเดือน มกราคม นั้น...เจ๊งแน่นอน!

..การจะเป็นเทรดเดอร์ที่ดี ที่เก่งได้นั้น ต้องใช้เวลาครับ..ก็เหมือนกับนักฟุตบอลระดับโลกทั้งหลาย เช่น ซีดาน โรนัลโด้ เมซซี่ ฯลฯ กว่าที่สุดยอดนักเตะเหล่านี้ จะมีวันนี้ได้นั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นข้ามวันน่ะครับ...ใช้เวลากัน 8-10 ปีกันทั้งนั้น..ฝึกฝนสเต็ปบอลแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวันจนซึบซับเข้าไป คล้ายกับว่าลูกบอลเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จนสามารถเล่นได้ตามใจสั่ง...

..เทรดเดอร์ก็ไม่ต่างกันครับ...นั่งดูตลาดทุกวัน ฝึกฝน ประยุกต์ ลองผิดลองถูกแล้วนำมาเป็นบทเรียน...ไม่ช้าเกินรอ ก็จะกลายเป็นสุดยอดเทรดเดอร์ได้อย่างแน่นอน...

Thursday, February 18, 2010

Wizard's Road # 11

ช่วงนี้ผลการเทรดออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่...แต่วันนี้กำไร ก็โอเคแล้วครับ...เหอๆ

วันนี้ทำกำไรกลับมาได้ แต่ก็มีเสียไปก็หนักอยู่...เหตุผลเหรอครับ ง่ายๆคือ

1) ขาดวินัยในการเทรด
2) ไม่มีความเชื่อมั่นในโมเดลเทรด ที่ใช้อยู่

พรุ่งนี้ ผมจะทำตัวให้เหมือนคนไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น จะเล่นตามสัญญาณโมเดลทุกอย่าง และผมมั่นใจว่า

"หากเราเชื่อมั่นในโมเดลที่ใช้ได้ผลมาตลอด กำไรจะไปไหนเสีย"

ถูกต้องมั๊ยครับ...

วันนี้ค่อนข้างเพลียจากการเทรด....ของดกลอนหนึ่งวันน่ะครับ

เทรดเดอร์เจ้ากวี

18-02-2010

Monday, February 15, 2010

Wizard's Road # 10

วันแรกก็โดนซะแล้ว ตายแล้ว ตายแล้ว อะไรกันหว่า -___-"

ขอใช้บทเพลงของสุดยอดลูกทุ่ง คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ มาใช้กับสถาการณ์การเทรดของผมแล้วหล่ะคับ

วันนี้เป็นวันเทรดเงินจริงวันแรกของผมครับ...แต่ก็มีลางไม่ดีตั้งแต่ตื่นมาแล้วหล่ะครับ

มาดูกันน่ะครับ...ใครว่าโชคลางไม่มีผลต่อการเทรด ขอเถียงหัวชนฝา ฮ่าๆ

1) ตื่นมา 5 โมงครึ่ง ปัดมือถือตกเตียง -_-"
2) ออกจากคอนโด ลืมใส่สร้อยคอประจำตัว (ครั้งแรกในรอบหลายๆเดือน)
3) ถึงที่ทำงาน ทำขวดน้ำตกในห้องน้ำ -__-" ต้องซื้อขวดใหม่เลย
4) มีัปัญหาเรื่อง Trader ID กว่าจะได้เทรด ก็ปาเข้าไป 10 โมงกว่าๆแล้ว พลาดโอกาสทำกำไรเน้นๆ ไป  2 พันบาท ต่อสัญญา (เจ็บจี๊ดๆๆๆๆ)

นี่แค่คร่าวๆน่ะครับ ยังมีอันนู้นนิด อันนี้อีกหน่อย ซวยตั้งแต่เช้ายันเย็น ฮ่าๆๆ

แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมายครับ เนื่องจากสามารถเทรดเอาคืนมาได้ ก็เลยขาดทุนน้อยหน่อย..

...ไม่มีเทรดเดอร์คนใดในโลกใบนี้ที่ไม่เคยขาดทุนในสนามรบ...

ดังนั้นแล้ว การขาดทุนครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายครับ ตราบใดที่ใจผมเองยังไม่เสียไป และหวั่นไหวไปซะก่อน...ซึ่งผมมั่นใจว่าจะนำจังหวะการเทรดของตัวเองกลับมาได้อย่างแน่นอน

ความจริงวันนี้สำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา ถือว่าเล่นยากมากน่ะครับ เนื่องจาก อาตี๋ฮ่องกง ตี๋จีน ตี๋ไต้หวัน ตี๋ต่างๆ พร้อมใจกันปิดทำการเป็นเวลา 2-3 วันทั้งนั้น ดังนั้นจึงทำให้มีการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง...ซึ่งก็มีผลโดยตรงกับ Model Trade ที่ผมใช้อยู่...ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า..

..วันแรกก็โดนซะแล้ว ตายแล้ว ตายแล้ว อะไรกันหว่า... ฮ่าๆๆ

มีกลอนมาฝากอีกเช่นเคยครับ

...สักวา..หุ้นปีเสือ..นั้นแสนดุ...
...เล่นจนจุก..แถมเสียดท้อง..น่าใจหาย...
...เดี๋ยวเอาขึ้น..เดี๋ยวตบลง..เงินวอดวาย...
...เอาให้ตาย..มลายไป..สลายเอย...

...เรื่องการเมือง..เศรษฐกิจ..ในประเทศ...
...น่าสมเพศ..ทะเลาะกัน.บ้าไปไหม...
...แค่น้องเหลือง..บวกพี่แดง..ก็เหนื่อยใจ
...แล้วทำไม..มีน้ำเงิน..มาแจมเอย...

...เคลียร์ให้จบ..เอาให้เสร็จ..เพื่อเดินต่อ...
...น้องขอร้อง..อยากเทรดหุ้น..มีจุดหมาย..
...นี่วันวัน..นั่งลุ้นกัน..หัวใจวาย...
...ท่านทั้งหลาย..รักกันเถิด..จะได้ดี...

(ก็แค่ความคิดเพ้อฝัน ลมๆแล้งๆ ของเด็กคนนึงครับ)

วันนี้แค่นี้ก่อนครับ พรุ่งนี้ต้องเตรียมพร้อมออกรบกับพี่หรั่ง น้าๆกองทุน ท่านแมงเม่า และพองเพื่อน Prop. Trade อีก...สู้แค่ตายก๊าบ!

เทรดเดอร์เจ้ากวี

Time: 19:32Date:  15-10-2010

Sunday, February 14, 2010

Wizard's Road # 9

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรก (ซะที) ที่ผมจะได้เทรดตลาด TFEX ด้วยเงินจริงๆ ถามว่ากลัวมั๊ย สั่นมั๊ย..ก็ต้องยอมรับว่ามีแน่นอน...แต่เป็นอาการที่เรียกว่า สั่นสู้ ซะมากกว่าครับ...มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้มากลัวไม่กล้าลงมือ ก็จะเสียเรื่องเอา...ถูกต้องไหมครับ อิอิ...




พอดีเพิ่งอ่านเจอบทความดีๆจากเพื่อนนักลงทุนใน Facebook เกี่ยวกับเหตุผลที่เราต้องลงทุน...ลองอ่านดูน่ะครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ทำไมผมต้องลงทุน ทำไมผมต้องกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตการทำงานของผมจากคนที่เคยได้เงินเดือนเฉียด 6 หลัก มารับเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ เพื่อหวังที่จะได้โบนัส profit sharing จากการเทรด ที่ใฝ่ฝันไว้ที่่ 7 หลัก ซึ่งอาจจะทำได้หรือไม่ได้เลย...ลองอ่านดูน่ะครับ..ให้ข้อคิดได้เยอะทีเดียว


ทำไมผมถึงลงทุน?

ผมคิดว่าการลงทุนคือ “การยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ซึ่งก็คือการยอมเสียสละความสุขในวันนี้เพื่อให้ได้ความสุขมากขึ้นในอนาคต

ความจริงการลงทุนนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น หากยังได้ผสมอยู่ในวิถีชีวิตของทุกคนมาตั้งแต่เด็กจนผู้ใหญ่ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือการลงทุน

การมีบุตรคือการลงทุน – ผมเคยถามเพื่อน ๆ และผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านว่า ทำไมถึงต้องการมีบุตร และคำตอบเกือบทั้งหมดก็คือว่า อยากให้บุตรเลี้ยงดูท่านตอบแทนในยามแก่เฒ่า ซึ่งทุกท่านคงมองเห็นภาพชัดเจนว่าการมีบุตรจะสร้างภาระต่อบุพการีมากเพียงไร และยาวนานเพียงไรกว่าการลงทุนเลี้ยงดูบุตรหนึ่งคนจะออกดอกออกผลคือการที่บุตรกลับมาเลี้ยงดูท่านได้อย่างที่ต้องการ จึงกล่าวได้ว่า การลงทุนมีบุตร คือการยอมสละความสุขของตัวเองในวันนี้ และทุ่มเทกำลังกายกำลังใจตลอดจนกำลังทรัพย์ไปในการเลี้ยงดูให้บุตรของท่านเติบใหญ่เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูท่านได้ในอนาคต

การศึกษาคือการลงทุน – เป้าหมายในการเข้ารับการศึกษาของหลาย ๆ ท่านคงจะเหมือนกันคือ ต้องการนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิต ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ให้มีที่ยืนมากขึ้นในสังคมที่มีแต่การแข่งขัน และทุกท่านคงทราบดีกว่า ชีวิตคนคนหนึ่งใช้เวลาอยู่
ในระบบการศึกษานานกว่า 20 ปี ซึ่งถ้าท่านเลือกที่จะไม่เรียนจนถึง 20 ปี ท่านอาจจะมีเวลาไปทำอย่าง
อื่นได้อีกมาก เช่นช่วยครอบครัวหาเลี้ยงได้เร็วขึ้น หรือเริ่มต้นทำงานเร็วขึ้นและมีเงินเก็บเร็วขึ้น จึงกล่าวได้ว่า การศึกษา คือการยอมสละทางเลือกในวันนี้ และทุ่มเทเวลาและสมองไปในการแสวงหาความรู้ที่สูงขึ้นเพื่อให้ชีวิตท่านดีขึ้นในอนาคต

การทำงานหนักคือการลงทุน – คนที่ยอมทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ ทุกคนย่อมต้องการความก้าวหน้าในอาชีพที่รวดเร็วกว่าคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยต้องยอมสละเวลาส่วนตัว สุขภาพ และบางครั้งอาจต้องเสียคนรักไป จึงกล่าวได้ว่า การทำงานหนึ่งคือการยอมแลกความสุขด้านต่างๆ ในวันนี้ เพื่อใหความก้าวหน้าในอนาคตมาเร็วขึ้น

กลับมาที่การลงทุนในเรื่องของเรา ลองคิดดูว่าถ้าท่านได้รับเงินเดือนมาแล้วใช้ไปจนหมดไม่เหลือเก็บออม (ความจริงการออมก็นับเป็นการลงทุน แต่ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเงินเฟ้อ จนทำให้เงินด้อยค่าลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แทนที่จะเพิ่มขึ้น จึงเป็นการอดเปรี้ยวแต่ได้กินฝาด) ไม่เหลือไปลงทุน ทรัพย์สินของท่านก็จะมีแต่สินค้าเก่าที่นับวันมีแต่จะด้อยค่าลงไปเรื่อย ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือที่ตกรุ่นได้ในเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือรถยนต์ที่เก่าลงทุกวัน (การซื้อรถยนต์เพื่อความสบาย ไม่ได้ใช้เพื่อหาเงิน จึงไม่ใช่การลงทุน เพราะโดยทั่วไปแล้วท่านไม่สามารถขายรถยนต์ที่ใช้แล้วในราคาเดียวกันกับรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งส่วนต่างก็คือค่าใช้จ่ายก้อนโตของท่านนั่นเอง!)

ดังนั้น การอดเปรี้ยวไว้กินหวานทางการเงิน คือการยอมสละความสุขจากการจับจ่ายซื้อหาสินค้าและ
เครื่องอำนวยความสะดวกในวันนี้ แล้วยอมนำเงินไปผ่านกระบวนการที่ทำให้ตัวมันเองเติบโตทวีคูณมากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งความมูลค่าของทรัพย์สินที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งกระบวนการนั้นต้องประกอบด้วยความอดทนของจิตใจในการที่จะไม่กินเปรี้ยวก่อนที่จะหวานและการใช้ข้อมูลบวกกับทักษะในการนำเงินให้ไปอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา

อย่างไรก็ดี การลงทุนย่อมคู่กับความเสี่ยง (ความเสี่ยง คือ โอกาสที่ผลที่เกิดจริงจะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้แต่แรก) การลงทุนทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลไม่เป็นอย่างใจท่าน บุตรของท่านอาจทอดทิ้งไม่เลี้ยงดู การศึกษาของท่านอาจกลายเป็นสาขาอาชีพที่มีรายได้น้อยไม่เป็นที่นิยม การทำงานหนักของท่านอาจโดนเด็กเส้นเติบโตข้ามหัว หรือแม้แต่การลงทุนทางการเงินของท่านอาจขาดทุน ด้วยเหตุนี้ ส่วนตัวผมจึงเห็นว่าไม่ควรลงทุนไปในเรื่องใดของชีวิตจนมากเกินไป คือต้องกระจายการลงทุนให้สมดุล ทั้งเรื่องความก้าวหน้าทางการงาน ความสุขกับครอบครัว และความมั่งคั่งทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะฝากให้เป็นข้อคิดก็คือ 
 
 
"ความเสี่ยงที่สุดของชีวิตคนคนหนึ่ง ไม่ใช่การลงทุนที่ผิดพลาด แต่คือการไม่กล้าลงทุนในสิ่งใดเลย"


และไม่ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยงอย่างไร หากท่านมุ่งหวังอยากได้สิ่งที่ดีกว่าในอนาคตซึ่งมี
คุณค่ามากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้ กุญแจไปสู่เป้าหมายเหล่านั้นก็คือ การลงทุน

ชีวิตคือการลงทุนครับ…
 
 
เทรดเดอร์เ้จ้ากวี
14 - 02 - 2010

Thursday, February 11, 2010

Wizard's Road # 8

หายหน้าหายตาไปหลายวันอยู่ เนื่องจากช่วงนี้ ผมต้องมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่นิดหน่อยครับ คือ

1) เน้นออกกำลังกายเพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า และเพื่อร่างกายที่แข็งแรง 
2) เ้น้นทานอาหารเพื่อสุขภาพ กับทานหนักมื้อเช้าและเที่ยง เพราะตอนนี้รู้สึกได้ว่าน้ำหนักเริ่มขึ้น ฮ่าๆๆ
3) ศึกษาและทดลองโมเดลเทรดพร้อมทั้งทฤษฏีเทรด จากหนังสือ เว็บ บล็อก ของเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก...เผื่อว่าจะเป็นได้แบบเค้าบ้างในอนาคต อิอิ


ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนบางท่านอาจจะเคยได้ฟัง ได้ยิน ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินในประเทศแถบยุโรปมากันบ้าง ไม่มากก็น้อย...วันนี้ผมเลยขออนุญาตินำบทสรุปของสาเหตุของวิกฤติหนี้ในประเทศกรีซ มาให้อ่านเป็นกรณีศึึกษาน่ะครับ...แล้วจะรู้ว่าทำไม ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงบ้านเราเองนั้น โดนเทกระจาด ขายหุ้นกันอย่างหนักในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา...

ปัญหาวิกฤติหนี้ของประเทศกรีซ

      ปัญหาของกรีซมีต้นตอมาจากการดันค่าแรงงานให้อยู่ในระดับสูง ขณะที่ผลิตภาพด้านการผลิตไม่เพิ่มสูงขึ้น ในอดีต กรีซ สามารถจัดการกับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการลดค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดส่งออก อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ดังกล่าวไม่สามารถทำได้หลังจากที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป และใช้เงินสกุลยูโร ส่งผลให้ต้นทุนค่าแรงซึ่งปรับปรุงด้วยผลิตภาพการผลิตของกรีซปรับตัวสูงขึ้น อย่างรุนแรง ดังแสดงในภาพที่ 1 ขณะที่ต้นทุนแรงงานของสเปน และอิตาลีปรับขึ้นในอัตราสูงกว่า ในขณะที่สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ได้อานิสงค์จากเงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร

ต้นทุนแรงงาน ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของกรีซไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก แต่กรีซก็ยังสามารถกู้ได้เกินฐานะ เนื่องจากตลาดตั้งข้อสมมติว่าในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรป กรีซจะไม่เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ เพราะหากเกิดขึ้นกับกรีซแล้ว ประเทศที่อ่อนแออื่นๆ ในยูโร (สเปน, ไอร์แลนด์, โปรตุเกส หรือแม้กระทั่งอิตาลี) ก็จะมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย สหภาพยุโรป (อาจจะมี หรือไม่มี IMF ร่วมด้วยก็ตาม) จึงดูเหมือนไม่มีทางเลือก นอกจากช่วยแก้ปัญหาให้กับกรีซ 


การดีดตัวของ ตลาดหุ้นสหรัฐต้องสะดุดลง หลังจากโฆษกนายกรัฐมนตรีเยอรมันปฏิเสธเรื่องการที่เยอรมันจะให้ความช่วย เหลือทางการเงินแก่กรีซไม่เป็นความจริง โดยมีสัญญาณว่าประเทศสมาชิกในยุโรโซนจะยังไม่มีข้อสรุปร่วมกันก่อนหน้าการ ประชุมนัดพิเศษในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งผู้ว่าการธนาคารกลางยุโปรจะเข้าร่วมด้วย

นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เราพยายามย้ำให้เห็นถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความเสี่ยงกำลังเร่งตัวขึ้น จากปัญหาวิกฤติหนี้ในกรีซ และบางประเทศในยุโรป ซึ่งจะทำให้ตลาดลดการยอมรับความเสี่ยงอย่างเป็นนัยในระยะข้างหน้า และจะกดให้ SET ลงไปสู่ระดับ 580 จุด แม้ในกรณีที่จะมีแผนช่วยเหลือกรีซ เราก็เชื่อว่ายังมีปัญหาอีกมากมายในภูมิภาคดังกล่าว (สเปน ไอร์แลนด์ โปรตุเกส อิตาลี และโดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก) ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดตื่นตระหนก และยอมรับความเสี่ยงได้น้อยลง 



ครับ...นี่ก็คือตัวอย่างของปัญหาหนี้สินของประเทศกรีซน่ะครับ...

จะเห็นได้ว่า..เมื่อคนเราทำอะไรที่เกินตัว เกินพอดี...สุดท้ายแล้ว ก็ต้องรับผลกรรมที่กระทำเอาไว้...สัจธรรมแห่งชีวิตอย่างแท้จริง...เฮ้อ!! 

วันนี้ ก็มีกลอนขำขำ แฝงแง่คิดมาให้อ่านกันเช่นเคยน่ะครับ 


..นั่งเรื่อยเรื่อย..มองหน้าจอ..เห็นแดงเขียว..
..ดูแล้วเปลี่ยว..น่าฉงน..วิ่งทางไหน...
..เด๋วก็ขึ้น..เด๋วก็ลง..โอ้วบรรลัย..
..ไม่เห็นใจ...คนนั่งเทรด.. So Sad เอย..


..แต่หากรัก..ที่จะเทรด..เพื่อเป็นใหญ่..
..ต้องเพิ่มใจ..ให้แข็งแกร่ง..ไม่ท้อถอย..
..เติมวิชา..ลับคมดาบ..พร้อมสู้ตาย..
..แพ้มีได้..แต่ต้องจำ..เป็นบทเรียน..


ไว้จะมาเล่าอะไรสนุกๆให้ฟังวันหน้าครับ


เทรดเดอร์เจ้ากวี


11-02-2010

Wednesday, February 3, 2010

Wizard's Road # 7

วันนี้ผมเทรดเสียเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มงานมาครับ...เนื่องจากเครื่องมือ หรือ โมเดลเทรดที่ผมเคยใช้ได้ดีมาตลอดนั้น แสดงสัญญาณที่สวนทางกับ SET แทบจะตลอดเวลา...แต่ก็ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยครับ ไม่มีเทรดเดอร์คนใดในโลกที่ไม่เคยเจออาการผิดพลาดของเครื่องมือตัวเอง...

เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว วันนี้ขอนอนก่อนดีกว่าครับ เพื่อที่จะได้มีแรงลุยกับตลาดพรุ่งนี้ สู้ๆ

Tuesday, February 2, 2010

Wizard's Road # 6

ช่วงนี้ตลาดเริ่มซึมๆน่ะครับ...แต่ก็ยังมีจังหวะพอที่จะเทรดทำกำไรได้...แต่คงเทียบกับอาทิตย์ที่แล้วไม่ได้.ครับ...

..คาดว่าไม่เกิน 2 วันนี้ ผมจะได้เริ่มเทรดพอร์ทเงินสดของบริษัทแล้วหล่ะครับ...จะได้เป็นก้าวแรกของชีวิตการเป็น Prop Trade ของผมซะที...ไม่รู้ว่าจะออกหมู่หรือจ่า...ยังไงก็เป็นกำลังใจและดูพัฒนาการว่าจะก้าวไกลเสียดฟ้าหรือถอยหลังลงเหวน่ะครับ ฮ่าๆๆ