Friday, July 30, 2010

Wizard's Road # 113

วันนี้ตลาดกลับมาน่าเบื่ออีกครั้งครับ อาจจะเป็นเพราะตลาดรอบบ้านก็ยังเทรดกันอยู่ในกรอบเดิมๆ ตลาดหุ้นก็เจอแรงขายพี่กองที่หนักๆ ส่วนพี่หรั่งก็รับซื้อ โยนไป โยนมา โอ๊ยยยย เอาให้มันสักทางก็ดีน่ะครับ เล่นแบบนี้ ง่วงสุดขีดถึงขีดสุดจริงๆ

วันนี้ปิดลบครับ เจอ Gold Future เข้าไป อิ่มเลยครับ T__T"

โชคดีสุดสัปดาห์ครับพี่น้องชาวไทย ฮิ้ววว

Thursday, July 29, 2010

Wizard's Road # 112

ตลาดวันนี้ถือว่าคล้ายเมื่อวานครับ..เช้ากระดี๊กระด๊า บ่ายอ่อนๆ เงียบเหงาเศร้าสอย พอเริ่มจะแก่....ตูมๆ ตามๆ กันชุดใหญ่ ปวดหัวครับ ปวดหัว...เทรดไปเทรดมาจนจะอ้วกครับ เวียนหัวกับการเล่นของ TFEX และ SET ใหญ่จริงๆ เดี๋ยวซื้อ เดี๋ยวโยน..สุดท้ายก็แทบจะอยู่ที่เดิม..เหอๆๆ เมพขิงๆ จริงๆครับตลาดหุ้นบ้านเรา

วันนี้ตลาดทองคำถือว่าสวิงในกรอบแคบครับ แต่ก็พอมีจังหวะให้เล่นได้บ้าง ความจริงราคา Gold Future ปัจจุบันถือว่าแพงกว่าราคาเหมาะสมพอสมควร แต่ราคาไม่ยอมลงแรงตาม สงสัยว่าจะมีรายใหญ่ระดับพี่บิ๊กที่ติดของฝั่ง Long Position อยู่ มาดันราคาไม่ให้ลงแน่ๆครับ ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรครับ ทองจะขึ้นจะลงก็แล้วแต่บุญมีวาสนาส่งครับ ฮ่าๆๆๆๆ...ขออย่างเดียว ขอให้ใครก็ตามที่มาทำให้ราคาผิดเพี้ยน จง เจ๊งๆๆๆๆๆ แล้วก็เจ๊งๆๆๆๆ ครับ เพื่อประโยชน์ุสุขของมวลรายย่อยอย่างเราๆครับ หุหุ

วันนี้ก็ปิดบวกได้ครับ ถือว่าช่วงนี้จังหวะการเทรดของตัวเองเริ่มกลับมาได้บ้างแล้วครับ เหลืออีกนิดเดียวก็จะสามารถ cover monthly loss ได้แล้วครับ เดือนนี้นี่ถือว่าเป็นเดือนที่ทรหดและโหดที่สุดตั้งแต่เทรดมาแล้วครับ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเียี่ยมทีเดียวครับ

พรุ่งนี้วันสุดท้ายของอาทิตย์ ขอให้รวยๆๆๆครับ

Wednesday, July 28, 2010

Wizard's Road # 111

วันนี้ตลาดหุ้นกับ TFEX เหมือนเล่นกันในสวนสนุก กับเครื่องเล่นไวกิ้งเลยครับ จะเป็นลม ขึ้นๆ ลงๆ แบบเหวี่ยงแรงๆ ใครผิดทางนี่ จิตตก ไม่ก็กระโดดตึกกันไปเลยทีเดียว...ผมเองก็โดนไปชอตนึงครับ...ถือ Short อยู่ดีๆ...PTTEP ยกขึ้นไม้เดียว ล้านกว่าหุ้น แล้ว TFEX ก็มีใครก็ไม่รู้ ยกไม้เดียววาบหายไป 3 จุด (3 พันบาทต่อสัญญาครับ แล้วผมมีอยู่หลายสัญญาอยู่เหมือนกัน โอ้วว)!!! หน้ามืดๆๆๆๆๆๆๆๆ จะทำยังไงหล่ะทีนี้ โอ้วว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด...กว่าจะหาจุดคัทลอสได้ ก็แทบลมจับครับ...หลังจากคัทลอสได้ ผมหยุดเทรดเลยครับ..เพราะมีกำไรมาพอสมควรแล้ว ซึ่งก็ถือว่าผมคิดถูกครับที่หยุดเทรด เพราะมาลองนั่งดูตลาดต่อจากนั้นแล้ว..เล่นต่อก็มีแต่เสียครับ ถือว่าวันนี้คุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเป็นที่น่าพอใจครับ ^__^

พรุ่งนี้ตลาดอาจจะมีอะไรที่แรงๆน่ะครับ...ระวังด้วยครับ

โชคดีครับ

Tuesday, July 27, 2010

Wizard's Road # 110

ลาก ลาก ลาก ตบ ตบ ตบ ลาก ตบ ลาก โอ๊ยยยย จาบ้าตายยย T___T

วันนี้เซ็งครับ...อยากจะกระทืบตัวเองให้ตายคาตรีนตัวเองนี่แหล่ะ...ความจริงตลาดเล่นไม่ยากครับ เล่นฝั่ง Long ราคาเปิด แล้วปิด position ตอนช่วงท้ายตลาด แค่เนี่ยะครับ..รวย.!! แต่ใครจะไปรู้หล่ะครับ ก็มีบ้าๆบอๆ ไปเล่นสวนทิศทางบ้างอะไรบ้าง...แล้วดันไปโดน Gold Future อีก...จาก + เลยกลายเป็น - เลย ฮืออออ...เปิดฉากอย่างเร้าใจ สุดท้ายก็โดนเธอทิ้งไป..โอ้ว ม้่่ายยยย!!

บทเรียนสำคัญคือ...ต้องคุมอารมณ์การเทรดให้อยู่ครับ...สำคัญทีเดียวเชียวครับ..ต้องเคยคุมสติให้อยู่ ต้องตัดอารมณ์เอาคืนให้ได้ครับ..T___T" พูดง่าย แต่ทำโค ตะ ระ ยากเลยครับ...วัยรุ่นก็เงี้ยแหล่ะครับ...ฮ่าๆๆๆๆ

ตลาดช่วงนี้ เท่าที่สังเกตุดูครับจะเห็นได้ว่า กลุ่มแบงค์ยังคงเป็นกลุ่มที่นำตลาดอยู่ และก็มีกลุ่มพลังงานที่เริ่มขยับเข้ามาบ้างแล้ว แต่ก็มีแรงขายไม้ใหญ่ๆ ตลอดเหมือนกันครับ..น่าจะเป็นจากนักลงทุนในประเทศครับ...กลุ่มไหนนี่ เดาไม่น่ายาก ฮ่าๆๆๆ

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Friday, July 23, 2010

Wizard's Road # 109

วันนี้ขออัพเดทแบบเร่งๆครับ....

- ตลาดหุ้นทำ new high ในรอบ 2 ปี ด้วยวอลุ่มซื้อขายบานตะไท
- TFEX แทบไม่ขยับมากมายเท่ากับ SET อันนี้อาจจะเป็นเพราะหุ้นเจอแรงขายไม้ใหญ่ๆ เป็นระยะๆ อาจจะทำให้นักลงทุนไม่กล้า Long position แบบบ้าคลั่งเหมือน SEt
- กำไรส่วนใหญ่ของผมวันนี้มาจากตลาด Gold Future ครับ พอดีราคาทองคำในช่วงบ่ายค่อนข้างสวิงกิ้งสนุกมากมาย กำไรที่ได้มาก็พอสมควรครับ..
- วันจันทร์ตลาดหุ้นปิดน่ะครับ ดังนั้นก็เที่ยวกันยาวโลดครับ
- คืนนี้จะเมาหัวราน้ำเผื่อครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ

โชคดีสุดสัปดาห์ครับ

Thursday, July 22, 2010

Wizard's Road # 108

ตลาดวันนี้แรงได้ใจครับ...หมายถึงตลาดหุ้นน่ะครับ เห็นแล้วอยากจะเทรดหุ้นกับเค้าบ้าง..แต่ทำไงได้ครับ เลือกที่เดินสาย TFEX ไปแล้ว ก็ต้องรอโอกาสที่เหมาะสมกันต่อไป...ความจริง tfex ก็ถือว่าสวิงน่ะครับ แต่ถือว่าน้อยกว่าหุ้นที่มีแรงขายแรงๆ และซื้อมหาศาลสลับกันไป..อิจฉาค้าบบบ

วันนี้เวียนหัวกับทองคำกับ Set50 มากมาย...แกว่งกันแรงๆ แสบๆ คันๆ ทีเีดียว ส่วนตลาดหุ้นนี่ ไม่ยากครับ...ซื้อแบงค์ ซื้อสื่อสาร ขายพลังงานโลด ฮ่าๆๆ สงสัยกลุ่ม ปตท. จะประกาศปิดโรงกลั่นกันหรืออย่างไรมิทราบ ทิ้งกันกลัวตายขนาดนั้น เหอๆๆ

พรุ่งนี้เทรดกันระมัดระวังน่ะครับ

Wednesday, July 21, 2010

Wizard's Road # 107

สวิงแปร่งๆครับสำหรับตลาดวันนี้...ช่วงเช้าพอเข้าใจว่าเป็นการขายต่อเนื่องจากเมื่อวานในกลุ่มพลังงานตัวใหญ่ๆ ...แต่ก็มีแรงดันกลุ่ม bank, ICT และก็กลุ่มอสังหา อย่างมากมาย จน SET สามารถกลับมาปิดบวกได้...แบบ งงๆ นิดๆ ฮ่าๆๆ. ช่วงนี้เล่นกันระมัดระวังน่ะครับ..แรงขายเริ่มหน่วงตลาดแล้ว..พี่กองทุนขายติดต่อกันมาหลายวัน ต้องดูพี่่ย่อย ว่าจะทิ้งกันเมื่อไหร่ เหอๆๆ...เพราะตอนนี้รู้สึกว่ารายย่อยจะครองตลาดครับ ไม่ใช่พี่หรั่งอีกต่อไป (ช่วงนี้น่ะครับ อิอิ)

วันนี้ก็สามารถปิด + ได้...แต่ก็น้อยกว่าเมื่อวาน แต่กำไรคือกำไรครับ ชิลลล

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Tuesday, July 20, 2010

Wizard's Road # 106

สวิงกิ้ง เกี๊ยวหมี่กันอีกแล้วครับ SET ไทย...บ้านอื่นขึ้น เราลง บ้านอื่นลง เราขึ้น...เดาทิศทางได้ยากเอามากๆ แต่โชคดีที่่ไม่นิ่งในวัน อย่างน้อยตลาดก็มีการแกว่งตัว ให้ผมได้ตื่นตาตื่นใจกับตลาดที่หายไปหลายอาิทิตย์ครับ...

วันนี้ปิดบวกได้เป็นที่น่าพอใจครับ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยพอตัวเลยครับ...

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Monday, July 19, 2010

Wizard's Road # 105

วันแรกของอาทิตย์นี้ ก็มีเรื่องให้ปวดขมองตั้งแต่ก่อนเทรด ระหว่างเทรดและหลังเทรดเลยครับ หงุดหงิดสุดๆครับ

มาทำงานก่อนเทรด --> คอมเครื่องที่ใช้กราฟ ข้อมูลตลาด เครื่องมือเทรดที่ใช้ไว้ดูเวลาเทรดกลับเสีย ใช้ไม่ได้ทั้งวันครับ กลายเป็นว่าต้องมานั่งดูแค่หน้าจอเทรดหุ้นผสมกับจอเทรด TFEX ครับ...แค่นี้ก็เซ็งมากๆ

ระหว่างเทรดช่วงเช้า --> ระบบ server ของบริษัทมีปัญหา แถมคนที่ซวยกับมาโดนเครื่องผมอีก ทำให้มีปัญหาการคีย์เข้า-ออก จนมั่วๆซั่วๆไปหมด แถมต้องมาเสียเงินอีก โดนไปหลายอยู่ครับ...ก็เลยตัดสินใจหยุดเทรดตัวเองตลอดช่วงเช้าเลย เนื่องจากอารมณ์การเทรดไม่มีแล้ว (อันนี้แนะนำให้ทุกคนที่อารมณ์เสียน่ะครับ ห้ามเทรดเด็ดขาด มิฉะนั้น เจ๊งบ๊ง! มีแต่เสียกับเสีย)

ช่วงบ่าย --> ไหนๆ พี่ไทยก็ไม่สนใจตลาดบ้านอื่นอยู่แล้ว ก็เลยขอดันหุ้นชุดใหญ่กับเค้าบ้าง ก็ขอบคุณครับ ที่ทำให้ผมสามารถ cover loss แล้วตีกลับมาบวกได้...แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ

่ช่วงปิดตลาด --> โทรไปเช็คกับพี่ที่ซ่อมคอม...กลับเจอถามกลับมา "น้องจะรีบเอาไปไหน" "ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะเสกให้เลย"......อยากจะระเบิดใส่ใจจะขาดว่า "หน้าที่ผมคือเทรดให้บริษัท หน้าที่พี่ก็คือช่วยดูแลระบบให้ราบรื่น ถ้าเกิดใครคนใดคนหนึ่งไม่สามารถหรือไม่พอใจงานที่ทำ ผู้ที่เสียผลประโยชน์ที่แท้จริงก็คือองค์กร...กำไรที่พวกผมทำมา ก็กลายมาเป็นโบนัสกับพวกพี่ๆทั้งนั้น...ถ้าไม่อยากทำงานแบบนี้ พี่ก็ควรจะออกจากงาน แล้วให้โอกาสคนที่เข้ามีความสามารถและเต็มใจที่จะทำ มาทำแทนพี่ดีกว่า..." เหอๆๆ อันนี้ขอระบายน่ะครับ..คือหงุดหงิดกับระบบการทำงานแบบขอทีไปทีมากๆครับ...สุดท้ายก็เลยไม่รู้ว่าจะได้คอมคืนเมื่อไหร่...T____T" ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้ ก็อาจจะต้องให้ผู้ใหญ่ระดับสูงโทรไป...กริ๊งเดียว...ไม่ได้ให้มันรู้ไป ฮ่าๆๆ (อันนี้ขำๆน่ะครับ)

จากประสบการณ์การเทรดวันนี้ สิ่งที่ได้มาก็คือ "การควบคุมสติ" และ "อารมณ์" ครับ...เมื่อรู้ตัวว่าเราสติกระเจิง หงุดหงิด อารมณ์เสียกับการเทรด หรือแม้กระทั่งปัจจัยรอบด้านแล้วเนี่ยะ...."หยุดเทรดทันที" ครับ...แล้วนั่งสงบสติอารมณ์ หาอะไรทำเพื่อให้เราสามารถดึงสติกลับมาให้ได้...ถ้ายังไม่ได้ ก็ปิดหน้าจอเทรด บังคับตัวเองให้หยุดเทรดวันนั้นไปเลยครับ...เพราะอย่างที่บอกข้างต้นว่า "ถ้าสติไม่มา สตางค์ก็กระจาย" แน่นอนครับ ฮ่าๆๆ

พรุ่งนี้โชคดีมีชัย เฮงๆ ครับ

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Sunday, July 18, 2010

Wizard's Road # 104.5 (คุณสมบัติ 8 ประการสู่ความสำเร็จและ Do and Don’t ในการลงทุน)

พอดีนั่งอ่านบทความไปเรื่อยๆ แล้วเผอิญไปอ่านเจอบทความ ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการลงทุน

ลองอ่านดูน่ะครับ

คุณสมบัติ 8 ประการสู่ความสำเร็จ

ในการที่จะเล่น กีฬาให้ชำนาญจนมีความสามารถเป็นที่ยอมรับกัน และจนถึงขนาดชนะได้รางวัลนั้น นอกจากผู้เล่นจะต้องมีทักษะพื้นฐานที่ดีแล้ว ยังต้องฝึกฝนตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมออีกด้วย จะเห็นว่าผู้ประสบความสำเร็จและเป็นผู้ชนะมักจะมีสไตล์ในการเล่นที่แตกต่าง กัน ไม่มีสไตล์ไหนที่ชนะตลอดหรือแพ้ตลอด
ในการลงทุนก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องพยายามหาสไตล์การเล่นที่เหมาะกับตัวเราและมีความเชื่อมั่นว่าจะทำ ให้เราชนะในเกมการลงทุน และค่อยๆ พัฒนาจนมีสไตล์ของตนเอง ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ใครจะรู้ สไตล์การลงทุนของตัวคุณเองอาจจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในอนาคตก็ได้ นักลงทุนระดับ “ปรมาจารย์” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีคุณสมบัติที่เหมือนๆ กันอยู่ 8 ประการด้วยกัน คือ

คุณสมบัติ #1 : มีความรอบรู้ (Breadth)

จากการศึกษาพบว่าผู้ประสบความสำเร็จในการ ลงทุนมักมีความกระตือรือร้น สนใจเรื่องราวต่างๆ รอบตัว นอกจากข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรงแล้ว พวกเขายังให้ความสนใจกับสิ่งอื่นๆด้วย เช่น George Soros มีความสนใจเรื่องปรัชญาและได้เข้าไปทำกิจกรรมหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการ เมืองระดับโลกด้วย นักลงทุนที่ดีต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจที่หลากหลาย ไม่ตีกรอบตัวเองอยู่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะในโลกทุกวันนี้ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันสูงมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีกโลกหนึ่ง อาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ อย่างกว้างขวาง แม้แต่ประเทศที่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง ก็อาจได้รับผลกระทบอย่างมากและรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง เช่น กรณีวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ที่เกิดกับประเทศไทยปี 2540 นั้นได้ส่งผลสะเทือนต่อระบบการเงินไปทั่วโลก เป็นต้น

คุณสมบัติ #2 : ช่างสังเกต (Observation)

นักลงทุนที่ดีควรจะสวมวิญญาณนักสืบ เป็นคนที่ช่างสังเกต ใส่ใจในรายละเอียด รวมทั้งต้องจดจำข้อมูลที่สำคัญๆ ของหุ้นต่างๆ ได้ ยิ่งคุณจำรายละเอียดได้มากเท่าใด คุณจะยิ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์ แยกแยะ รวมทั้งประเมินผลกระทบภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วกว่าคนอื่น กล่าวกันว่า Warren Buffet นั้น เป็นคนช่างสังเกตและสามารถในการจดจำรายละเอียดของข้อมูลต่างๆ ของบริษัทที่เขาไปลงทุนได้มากมายอย่างน่าทึ่ง ราวกับว่าตัวเขาเป็นเหมือน “สารานุกรมเคลื่อนที่” ทีเดียว

คุณสมบัติ #3 : ไม่มีอคติ (Objectivity)

นักจิตวิทยาได้ชี้ให้เห็นว่ามนุษย์นั้นเป็น “สัตว์สังคม” เมื่อได้มารวมกลุ่มกันเข้าแล้ว เพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคมกับผู้อื่น จึงมีความโน้มเอียงที่จะตัดสินใจทำเรื่องต่างๆ ในลักษณะที่คล้อยตามกระแสที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน ทำให้เกิดเป็นพฤติกรรม “สัญชาติญาณฝูงสัตว์” (herd instinct) เหมือนกับสัตว์ต่างๆ ที่มักจะคล้อยตามจ่าฝูง นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จจะต้องมีความคิดที่เป็นอิสระ และไม่ยอมให้ความคิดของตัวเองถูกครอบงำโดยกระแสของคนส่วนใหญ่ เพราะว่าความผิดพลาดเหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นพฤติกรรมที่สามารถคาดคะเนได้ล่วงหน้า

คุณสมบัติ #4 : รักษาวินัย (Discipline)

นักลงทุนจะต้องมีความอดทนในการรอคอย เพราะโอกาสดีๆ หรือความคิดดีๆ สำหรับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน เช่น Warren Buffet นั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีวินัยในการลงทุนสูงมาก เขาเคยบอกว่าเคล็ดไม่ลับของความสำเร็จในการลงทุนของเขาก็คือต้องรู้จักอดทน อดกลั้น รอคอยโอกาส ไม่ตัดสินใจตามกระแส และเมื่อโอกาสนั้นมาถึงต้อง “หวดให้สุดแรง” (ภาษานักเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่คนอเมริกันชอบมาก) เพราะโอกาสดีๆ ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตของคนเรานั้น มีไม่บ่อยครั้งนัก

คุณสมบัติ #5 : มีความลึก (Depth)

โดยปกติ “ความลึก” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนเรามีสมาธิ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเพ่งความคิดให้แน่วแน่อยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (focus) และสามารถคิดได้อย่างมีอิสระ Soros จะไม่ยอมให้มีใครรบกวนเลย เวลาที่เขาทำการซื้อขายอยู่ แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงเพราะมีข่าวใหญ่บางอย่างเข้ามากระทบ เขาก็ยังไม่ยอมให้ใครคนไหนเข้าพบเพื่อมาสรุปข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบให้ ฟัง จนกว่าเขาจะได้ “จัดการ” กับการลงทุนของเขาให้เรียบร้อยเสียก่อน

คุณสมบัติ #6 : มีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

ในการลงทุน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องเห็นภาพรวมของสิ่งต่างๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจส่วนรวมของไทย เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจต่างๆ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่สำคัญต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันด้วย มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ หรือไม่สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อลดทอนความเสียหายได้

คุณสมบัติ #7 : มีฉันทะในสิ่งที่ทำ (Passion)

นักลงทุน ระดับปรมาจารย์ทุกคน “รัก” อาชีพการลงทุน พวกเขามีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่ทำมากกว่าจะคิดเรื่องของผลตอบแทนที่ได้ Warren Buffet เคยพูดว่าตัวเขาเอง...Enjoy the process rather than the proceeds… รู้สึกสนุกกับการทำให้ “ได้ผล” มากกว่าจะคำนึงถึง “ผลได้”

คุณสมบัติ #8 : มีความยืดหยุ่น (Flexibility)

ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการ ลงทุนนั้น ต้องเปิดใจพร้อมที่จะยอมรับข้อมูลใหม่ๆ และโลกทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขารู้ดีว่าการที่ยึดติดกับความคิด/ความเชื่อบางอย่างตายตัวเกินไปอาจ เป็นการโยนทิ้งโอกาสดีๆ ที่ผ่านเข้ามา (“ตกเครื่องบิน”) หรือทำให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อการลงทุน (“เครื่อง บินตก”) ก็ได้ ประเด็นก็คือ นักลงทุนที่ประสบกับความสำเร็จจะต้องกล้าที่จะยอมรับความจริง ถ้าหากพบว่ามีการตัดสินใจผิดพลาด ก็ต้องยอม “ตัดขาดทุน” (cut losses) เสียแต่เนิ่นๆ แต่เมื่อตัดสินใจถูกต้องแล้ว ก็ต้องรู้จักปล่อยให้ “กำไรเพิ่มพูน” (run profits) ด้วยการไม่รีบขายหุ้นนั้นทิ้งไปด้วย

Do and Don’t ในการลงทุน

1.ควรลงทุนอย่างมีความรู้ เพราะความไม่รู้ คือความเสี่ยง ความรู้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการลงทุน
2.ควรพิจารณา Return และ Risk คู่กันเสมอ เพราะผลตอบแทนและความเสี่ยงจะเกิดขึ้นคู่กันเสมอ ดังคำกล่าวที่ว่า High Return (always come with) High Risk การวิเคราะห์ผลตอบแทนเพียงด้านเดียวโดยไม่สนใจความเสี่ยง จะทำให้เข้าใจผิด หลงไปกับผลตอบแทนสูงที่ดูน่าลงทุน
3.ควรกระจายการลงทุน (Diversification) อย่างเหมาะสม การกระจายการลงทุนไปในหลักทรัพย์หลายประเภทและหลายรายการ ยังคงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างดีในระดับหนึ่ง เพราะจะลดความเสี่ยงเฉพาะตัวของแต่ละหลักทรัพย์ลงได้
4.ควรจัดองค์ประกอบ ของหลักทรัพย์ที่ลงทุน (Portfolio) หรือ พอร์ต ให้เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งด้านการเงิน lifestyle แผนการในอนาคต การวิเคราะห์และทำความเข้าใจตนเองอย่างรอบด้าน เพื่อจัดพอร์ตการลงทุนของตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ควรลงทุนตามคนอื่น เพราะแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวและมีความต้องการแตกต่างกัน
5.ควรตัดสินใจ ลงทุนอย่างสมดุล ไม่โลภและไม่ประมาทเกินไป ขณะเดียวกันก็ไม่กลัวจนเกินไป ความโลภและความประมาทมักทำให้เราเสี่ยงมากเกินไป ในขณะที่การกลัวไม่ยอมลงทุนก็อาจทำให้ไม่ได้ผลตอบแทนเพียงพอตามที่ควรจะได้

ที่ มา : http://edu.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=119&Itemid=103

Friday, July 16, 2010

Wizard's Road # 104

SET ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆครับ ขึ้นเอาขึ้นเอาจนแทบจะเป็นตลาดหุ้นที่ดีที่สุดในโลกไปแล้วก็ว่าได้ ฮ๋าๆๆ

ระวังน่ะครับ ด่านต่อไป 840 จุด...จะหมู่หรือจ่ารู้กันแน่นอน..ช่วงนี้เหมือนจะเก็งกำไรกลุ่มธนาคารกับอสังหาฯ ค่อนข้างเยอะครับ..ส่วนกลุ่มพลังงานนี่ เงียบเหงาสุดๆ ระวัง Dow Jones กันให้ดีครับ เริ่มมีสัญญาณทาง Technical กลับตัวเป็นขาลงอีกรอบนึงตั้งแต่เมื่อคืนครับ...คืนนี้ก็คงจะร่วงเป็นแถวๆ แล้วค่อยมาดูพี่ไทยกันว่าจะทำอย่างไร ในอาทิตย์หน้า...

วันนี้กำไรส่วนใหญ่ได้มาจาก Gold Future ครับ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้าง make sense มากกว่า TFEX SET50 Index เยอะเลยทีเดียว...วันนี้ที่ TFEX ขึ้นช้า ไม่เร็วเท่า SET50 จริงนี่ ก็อาจจะเป็นเพราะตลาดไทยวิ่งขึ้นแรงโดยมี ธนาคารกับอสังหา เ็ป็นตัวนำ แต่พลังงานตัวใหญ่ๆไม่ขยับ ก็เลยอาจจะเป็นตัวถ่วงความมั่นใจของผู้เล่น TFEX ได้ครับ...แต่สุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหว ทะยานในช่วงบ่ายในที่สุด...เหอๆ ของเค้าแรงจริงๆ

สุดสัปดาห์นี้ โชคดีครับ

^__^

Thursday, July 15, 2010

Wizard's Road # 103

วันนี้รูปแบบการเล่นของตลาดแทบจะก๊อบปี้ของเมื่อวานเลยครับ....คือ...มั่วๆซั่วๆ ไร้ทิศทางชัดเจน คนซื้อก็มั่นใจ คนขายก็มั่นใจ ราคาก็เลยไม่สวิงไปไหนมากมาย ง่วงอีกวันครับ...แต่โชคดีที่มีพี่ทองมาสวิงนิดหน่อย บวกกับ TFEX ช่วงบ่ายมีกรอบการเล่นค่อนข้างกว้างกว่าเมื่อวาน ก็เลยพอทำกำไรได้บ้าง ปิด + ได้ ก็มีความสุขแล้วครับ ไม่มากแต่ก็ดีกว่าเสียครับ..

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Wednesday, July 14, 2010

Wizard's Road # 102

วันนี้ตลาดน่าเบื่อมากถึงมากที่สุดครับ...เทรดกันไม่สนใจตลาดนอกบ้าน ถึงแม้วอลุ่มซื้อขายจะยังดีอยู่ก็ตาม ก็เลยแทบไม่ได้เทรด แถมยังเสียอีกต่างหาก ฮ่าๆๆ...ก็หวังว่าตลาดที่เทรดกันสนุกๆ จะกลับมาเร็วๆนี้น่ะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วผมก็จะเป็นเด็กอนามัยเต็มตัว
คือ กิน นั่ง นอน ฮ่าๆๆๆ

พรุ่งนี้ขอให้โชคดีครับ ช่วงนี้ไม่รู้จะเขียนอะไร เนื่องจากตลาดมันทะแม่งๆ เหมือนมีพี่ไทยคุมและพยุงตลาดอยู่ ฮ่าๆๆ

Tuesday, July 13, 2010

Wizard's Road # 101

และแล้วตลาดที่เรียกหา ก็กลับมาอีกครั้ง...วอลุ่มเข้า ราคาสวิงได้สมเหตุสมผล...แค่นี้แหล่ะครับ ที่ต้องการ...ได้กำไรหรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที...ที่แปลกนิดๆคือ ต่างชาติบวกกันช่วงบ่ายยกเว้นฮ่องกง แต่พี่ไทยกลับเจอแรงขายจากสถาบันกับพี่ป๊อบ...ก็ต้องดูกันต่อไปว่า ละครเรื่องนี้จะจบแบบไหนครับ

วันนี้ทำกำไรได้ดีพอสมควร ใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่ cover ที่เสียไปในเดือนได้ครับ ต้องค่อยๆ collect coins ไปเรื่อยๆ

พรุ่งนี้โชคดีครับ

Monday, July 12, 2010

Wizard's Road # 100.55

วันนี้ไปทำงานก็เหมือนไม่ได้ไปครับ เนื่องจากเดือนนี้ผมได้เทรดผิดกฏบริษัทไปแล้ว 3 ครั้ง ตามกฏก็เลยต้องโดนหยุดเทรด 1 วัน ให้มานั่งทรมานมือไม้สั่น ดูการไหลของราคาทั้งหุ้นและ TFEX ครับ...T____T''

พูดแล้วก็เซ็งจิต...แต่ทำไงได้ครับ..วินัยก็คือวินัย ถ้าฝ่าฝืนก็ต้องยอมรับข้อตกลงและข้อบังคับให้ได้ครับ

พรุ่งนีุ้ลุยเต็มที่ ^__^

Sunday, July 11, 2010

Wizard's Road # 100.5 (10 ข้อ ความแตกต่าง ระหว่าง คนรวย กับ คนชั้นกลาง )

เผอิญนั่งรอดูคู่ชิงบอลโลกระหว่างฮอลแลนด์กับ สเปนครับ.....ก็เลยนั่งอ่านบทความไปเรื่อยๆแล้วเผอิญเจอบทความน่าสนใจมาฝาก ครับ ลองอ่านดูน่ะครับ....สุดท้ายก็ Holland Waka Waka!! hahah

10 ข้อ ความแตกต่าง ระหว่าง คนรวย กับ คนชั้นกลาง

ข้อหนึ่ง
เศรษฐีนั้นคิดยาวแต่คนชั้นกลางคิดสั้น ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือคนจน พวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวันทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือคิดถึงวันเงินเดือนออก แต่คนรวยจะต้องคิดยาวเป็นปี ๆ หรือเป็นสิบ ๆ ปี ในใจของคนจนนั้น เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ส่วนคนรวยนั้น เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเงิน การคิดยาวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออมและลงทุนระยะยาวซึ่งจะทำให้เงินงอกเงยแบบทบต้นเป็น เวลานาน และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง

ข้อสอง
คนรวยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่คงไม่ได้หมายถึงว่าคนรวยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น แต่หมายถึงว่าคนรวยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจนและมักจะเป็นคนที่มี แนวความคิดดี ๆ หรือมีมุมมองต่าง ๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจน เบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า คนรวยนั้นมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา” เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำ ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

ข้อสาม
คน รวยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน ในขณะที่คนรวยนั้นคิดว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า เขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้นมักมีโอกาสที่เขาอาจจะฉกฉวยได้ เบื้องหลังนิสัยนี้อาจจะมาจากการที่คนรวยมีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลางที่ มักจะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้

ข้อสี่
คนรวยกล้ารับความเสี่ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเสี่ยง นี่เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของคนชั้นกลางในความเห็นของผม คนที่ไม่ยอมรับความเสี่ยงเลยนั้นจะพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิง ในขณะที่คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่างที่ได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดีจะสามารถ สร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยที่ความเสี่ยงจริง ๆ นั้นจะมีน้อยมาก ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ คนชั้นกลางส่วนใหญ่นั้นมักจะกลัวการลงทุนในหุ้นหรือตราสารการเงินที่มีความ ผันผวนของราคาโดยที่เขาไม่พยายามศึกษาว่าในระยะยาวแล้วมันอาจจะมีความคุ้ม ค่ากว่าการฝากเงินในธนาคารมาก ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่าง “บ้าบิ่น” เช่นคนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใช่นิสัยของคนรวย คนรวยนั้นจะต้องรับความเสี่ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

ข้อห้า
คนรวยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียน นิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นหัวใจเศรษฐีจริง ๆ เพราะในความรู้สึกของผมเอง การเรียนรู้จากโรงเรียนเป็นเพียงพื้นฐานที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้ และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้นยาวมากเป็นหลายสิบปี ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่จึงควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน โดยนัยของข้อนี้ คนรวยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่านหรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่คนชั้นกลางนั้น พอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ ๆ และความรู้ที่ผมคิดว่าคนชั้นกลางพลาดไปเพราะไม่มีการสอนในโรงเรียนก็คือ ความรู้ทางด้านการเงินที่คนรวยมักจะศึกษาต่อเพราะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำ ไปสู่ความร่ำรวยได้

ข้อหก
คนรวยทำงานเพื่อหากำไร คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนรวยมองว่านี่คือหนทางที่จะทำให้รวยได้มากกว่าแม้ว่าจะมีความเสี่ยง ในขณะที่คนชั้นกลางนั้นมักจะไม่กล้าเสี่ยงและอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อย กว่า จึงมุ่งไปที่การหางานที่จะมีรายได้แน่นอน แต่รายได้จากการใช้แรงงานของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะทำให้ตนเองรวยได้

ข้อเจ็ด
คนรวยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องใจบุญสุนทาน คนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะทำบุญ ข้อนี้ผมเองคงไม่มีคอมเม้นท์อะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ไม่ค่อย บอกหรือรู้กันยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ ๆ อย่างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิลเกต

ข้อแปด
คนรวยมีแหล่งรายได้หลาก หลาย คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสองแหล่ง ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมเองไม่แน่ใจว่าคนรวยมีรายได้จากหลายแหล่งเพราะรวยแล้วจึงไปลงทุนใน ทรัพย์สินหลาย ๆ อย่าง หรือมีทรัพย์สินหลายอย่างจึงทำให้รวย แต่ที่ผมเห็นชัดเจนก็คือ คนชั้นกลางนั้น มักไม่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงทำให้รายได้มักจะมาจากเงินเดือนเป็น หลัก

ข้อเก้า
คนรวยเน้นการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งของตนเอง คนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเงินเดือน เป้าหมายของคนรวยนั้นอยู่ที่ว่าตนเองมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน โดยมองที่ภาพรวม ดังนั้น ถ้าเขามีหุ้นอยู่ การที่หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเขาก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ต้อง เสียภาษี แต่คนชั้นกลางพยายามทำงานเพื่อให้มีเงินเดือนสูงขึ้นแต่เขาอาจจะลืมไปว่าเขา จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย สรุปก็คือ คนรวยเน้นการลงทุนใช้เงินทำงานแทนตนเอง คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตนเอง

และสุดท้าย ข้อสิบ
คนรวยชอบตั้งคำถามที่เป็นบวกและสร้างกำลังใจ เช่น ฉันจะสร้างรายได้เป็นเท่าตัวในปีนี้ได้อย่างไร? ในขณะที่คนชั้นกลางชอบตั้งคำถามที่เป็นลบและเสียกำลังใจเช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ได้อย่างไร ?

ที่มา : http://forextrader.igetweb.com/index.php?mo=3&art=432444

Friday, July 9, 2010

Wizard's Road # 100

สงสัยคำว่า คนดวงตก จะมีจริงๆครับ...สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือว่าผมคงอยู่ในช่วงดวงตก + ฝีมือตก ครับ...เล่นยังไงก็เสีย...ขนาดวันนี้ได้กำไรอยู่ดีๆ...โดนไป 2 ไม้สุดท้าย...ลบบานเลย...พูดไม่ออก..จุกในอก..ก็เลยไปตัดผมใหม่ แล้วก็ไปนวดแผนไทยมา..เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ฮ่าๆๆ

ตลาดบ้านเราตอนนี้ถือว่าเป็นตัวของตัวเองมากๆครับ ไม่สนใจเพื่อนบ้านเล้ย...เล่นยากจริงๆ

โชคดีครับ

Thursday, July 8, 2010

Wizard's Road # 98 & 99

วันนี้ขอรวบยอด 2 วันเลยน่ะครับ...พอดีเมื่อวานไปข้างนอก เชียร์สเปนยาวเลย เหอๆๆ

ตลาดสองวันที่ผ่านมานี่ ตลาดหุ้นก็ดีดข้ามวัน...แต่ที่น่าเบื่อคือ ถึงแม้วอลุ่มจะเยอะมากมาย แต่การสวิงของราคาในวัน ถือว่าง่วงนอนที่สุดครับ...เสียแล้วก็เอาคืนยากครับ....โดนไปทั้งสองวันเลย...แต่ก็ไม่เยอะครับ...แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาคืนที่เสียไปในเดือนนี้ได้รึเปล่า เหอๆๆ

พรุ่งนี้โชคดีครับ...วันนี้ง่วงนอนมากมาย ขอนอนเต็มที่ครับ ^__^

Tuesday, July 6, 2010

Wizard's Road # 97

T____T" ดีใจน้ำาแทบไหล...ในที่สุด ก็กำไรครั้งแรกในรอบ 4 วันเทรดครับ...ถึงจะไม่เยอะอย่างที่หวัง แต่อย่างน้อยก็เป็นการเรียกกำลังใจและความมั่นใจกลับคืนมาเต็มเปี่ยมเลยครับ...วันนี้ผมสัญญากับตัวเองว่าจะเล่นให้น้อยสัญญาต่อการเข้าหนึ่งครั้งครับ...กำไรที่ได้ก็เลยไม่เยอะ แต่ถือว่าเป็นการทบทวนสเตปการเทรดของตัวเอง รวมไปถึงวินัยการเทรดของตัวเองด้วยครับ ดีใจสุดๆ ^___^

วันนี้ได้คุยกับผู้บริหารเรื่องการเลี่อนขั้นเป็น advance trader...สรุปคือ ผมยังต้องทำกำไรให้ได้อีกประมาณนึง ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนก็คือน่าจะทำได้ภายในสิ้นเดือนนี้ครับ...ถึงแม้จะผิดจากที่ผมคาดหวังไว้ว่าต้องได้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว...แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะอย่างน้อยตลาดช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา มันได้สอนและเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญที่จะทำให้ผมก้าวต่อไปในสายงานนี้ได้่อย่างมั่นคงและไม่ประมาทครับ

พรุ่งนี้โชคดีครับ...คืนนี้ก็ Holland Waka Waka!! 

Monday, July 5, 2010

Wizard's Road # 96

วิกฤติชีวิตกำลังครอบงำครับช่วงนี้ โดนหยุดเทรดกลางคัน 2 วันติดแล้ว...การสวิงของตลาดวันนี้ทั้ง TFEX และ SET ถือว่า มีอยู่หลายช่วงทีเดียวที่สวนทางกันอย่างชัดเจน...สงสัยพี่ย่อยไทยจะมาเหนือเมฆครับรอบนี้ ซื้อเอาๆ ไม่สนใจพี่หรั่งหรือตลาดรอบโลกอีกแล้ว..เยี่ยมครับ ตลาดไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก....รอวันที่ทิ้งแรงๆครับ...แล้วจะเห็นว่าโศกนาฏกรรมนี่ มีจริงๆ เหอๆๆ

วันนี้หมดแรงใจจริงๆ ขอตัวอ่านหนังสือ ฟังเพลง ทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองก่อนน่ะครับ

หวังว่าพรุ่งนี้จะปิดบวกได้ซะที สาธุๆๆๆ

Friday, July 2, 2010

Wizard's Road # 95

ดำดิ่งลงเหวเลยครับตอนนี้ สำหรับการเทรดของผม...เสียสองวันเทรดติดต่อกัน โดนไปเยอะพอตัวเลยทีเดียวเลยครับ...T__T" Sick Duck! เซ็งเป็ด จริงๆครับ ฮ่าๆๆๆๆ

ตลาดวันนี้ทำเอาหงุดหงิดค่อนข้างมากถึงมากที่สุดเลยครับ...ตลาดนอกลงสองวันไปประมาณ 3-5% แทบทั้งนั้น...น้ำมันก็ร่วงแรงได้ใจ....แต่ตลาดพี่ไทยไม่แคร์สื่อ อยู่ประเทศเดียวในโลกก็ว่าได้ ฮ่าๆๆ....ไม่อยากโทษตลาดครับ ต้องโทษตัวเองที่ดื้อครับ วันนี้ยอมรับว่าดื้อจริงๆ ไม่คิดว่าตลาดหุ้นเราจะปิดบวกได้สวยงาม โดยที่บ้านอื่นลงระเนระนาด เหอๆๆๆ ต้องจำเป็นบทเรียนสำคัญเลยครับ เหอๆๆ

วันนี้มีบทความดีๆ มาให้อ่านกันครับ มีประโยชน์มากๆทีเดียว ลองอ่านกันดูครับ


 “Losers Average Losers”

“คนแพ้ชอบถัวเฉลี่ยขาดทุน คนชนะชอบซื้อเพิ่มเมื่อมีกำไร”
รูปผนังห้องทำงานของ Paul Tudor Jones รูปนี้ได้บอกบางอย่างกับเราเอาไว้แล้ว นั่นก็คือ “คนแพ้ชอบถัวเฉลี่ยขาดทุน หรือ Losers Average Losers” นั่นเอง!
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค Money Management การบริหารเงินลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
paul-tudor-jones
วิธี การเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค Money Management การบริหารเงินลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
น่าเสียดายที่ James K. Glassman นักเขียนของหนังสือพิมพ์ในคอลัมน์ Washington Post investing ได้หลงลืมที่จะคิดถึงมันไป จากการที่เขาเคยได้เขียนบทความเอาไว้ว่า
“หากคุณมีหุ้น Enron อยู่ในพอรท์ของคุณ แต่พลาดที่จะขายมันไปที่ราคา 90 ดอลลาร์หรือที่ราคา 10 ดอลลาร์แล้วล่ะก็อย่าได้รู้สึกผิดหรือลำบากใจเลย”
เช่นเดียวกับ Alfred Harrison ผู้จัดการกองทุนของ Alliance Capital Management Holding LP, ซึ่งได้ถือหุ้นของ Enron เอาไว้เป็นจำนวนมาก โดยเขาได้กล่าวไว้ว่า
“โดยเบื้องต้นแล้ว มันเป็นหุ้นที่มีการเติบโตเป็นอย่างดี เราจึงซื้อถัวเฉลี่ยมันเรื่อยมา”
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค Money Management การบริหารเงินลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
ทั้ง Glassman และ Harrison นั้นทำผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว คุณมักจะพบว่าไม่ใช่แค่คุณจะรู้สึกแย่เพียงเท่านั้น แต่เงินของคุณจะค่อยๆลดลงไปเมื่อคุณทำการถัวเฉลี่ยขาดทุน ตัวของ Harrison นั้นได้ฝ่าฝืนกฎเหล็กของนักเก็งกำไรสไตล์ Trend Following อย่างรุนแรง และที่แย่ไปกว่านั้น ทั้งที่เขาเป็นผู้จัดการกองทุนซึ่งบริหารเงินทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน หลายๆคนนั้น เขากลับยอมรับมันมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการลงทุนอีกด้วย จงจำเอาไว้ว่า หากแนวโน้มกำลังอยู่ในขาลงนั้น มันไม่ใช่โอกาสในการซื้อ! แต่มันคือโอกาสในการขายหรือขาย Short ต่างหาก
โดยภูมิปัญญาที่เฉียบแหลมในการเก็งกำไรนั้น ได้ถูกอธิบายอย่างง่ายๆไว้ในกระดาษที่แปะไว้บนผนังทำงานของ Paul Tudor Jones สุดยอดนักเก็งกำไรคนหนึ่งของโลกเอาไว้แล้ว นั่นก็คือ….
“คนแพ้ชอบถัวขาดทุน… Losers Average Losers”
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค Money Management การบริหารเงินลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
Paul tudorประวัติโดยย่อของ Paul Tudor Jones
เขาเกิดในวันที่ 28 พฤษจิกายน ค.ศ. 1954 ที่มลรัฐ Memphis,Tennessee เขาคือผู้ก่อตั้งกองทุน Tudor Investment Corporation และเขาคือผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันที่ยิ่งใหญ่ซึ่งบริหารเงินทุนกว่าหลายพัน ล้านดอลลาร์ เขามีทรัพย์สินส่วนตัวโดยประมาณอยู่ที่ 3.3 พันล้านดอลลาร์ และได้ถูกจัดอันดับให้เป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกอันดับที่ 369 ในปี 2007 โดยนิตยสาร Forbes โดยจากรายงานล่าสุดนั้น ในปี 2006 เขาทำเงินได้ถึง 750 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค Money Management การบริหารเงินลงทุน จิตวิทยาการลงทุน
สไตล์การเก็งกำไรและ ความเชื่อของเขา
จากหนังสือ Market Wizards แนวคิดและความเชื่อของ Paul Tudor Jones ได้ถูกวิเคราะห์เอาไว้ดังนี้
-เขากล้าที่จะสวนกระแสซื้อหรือขายที่จุดวกกลับของตลาด เขาจะพยายามเทรดตามความเชื่อที่เขาคิดจนกว่าเขาจะเริ่มเปลี่ยนใจ โดยเมื่อขาดทุนเขาจะเริ่มลดขนาดการลง ทุนของเขาลงเรื่อยๆ และจะน้อยที่สุดเมื่อการเก็งกำไรของเขาประสบผลแย่ที่สุด
-เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้ที่มักจะเห็นโอกาสในตลาดได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเขาเริ่มมีไอเดียเกี่ยวกับการลงทุน เขาจะค่อยๆเริ่มลงทุนด้วยความเสี่ยงทีละน้อย จนกว่าที่เขาจะผิดพลาดติดๆกันหรือจนกว่าเขาจะเปลี่ยนแผนหรือความคิดของเขา
-เขาเป็นนักเก็งกำไรสไตล์ Swing Trader หรือเล่นรอบ เขาเชื่อว่ากำไรสูงสุดมาจากการซื้อได้ที่จุดวกกลับของแนวโน้ม และเขามักจะขายหมูบ่อยมาก แต่เขาก็สามารถซื้อหรือขายแถวๆจุดต่ำสุดและสูงสุดได้เช่นกัน
-เขาใช้เวลาในแต่ละวันส่วนใหญ่ในการทำให้เขามีความสุขและผ่อนคลาย เขาจะขาย Position ที่เขาถืออยู่ทิ้งหากว่าเขารู้สึกไม่สบายใจ และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเริ่มต้นใหม่ กุญแจสำคัญของการเก็งกำไร คือการเล่นเกมรับ ไม่ใช่เล่นเกมรุก
-ห้ามถัวเฉลี่ยขาดทุน และต้องลดขนาดการลงทุนลงเมื่อผลออกมาแย่ และเพิ่มขนาดการลงทุนขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีกำไร
-เขามักตัดขาดทุนตามสัญชาติญาณของเขา โดยหากว่าราคาวิ่งมาถึงระดับนั้น เขาจะขายทิ้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาไม่เพียงแต่ตัดขาดทุนจากระดับราคาที่กำหนดไว้ แต่จากระยะเวลาที่ถือไว้หากไม่ได้กำไรอีกด้วย
-เขาจะตรวจสอบถึงความเสี่ยงโดยรวมในพอร์ทของเขาอยู่ตลอดเวลา
-เขาเชื่อว่าราคาเคลื่อนไหวนำหน้าปัจจัยพื้นฐาน
-เขาไม่เคยสนใจกับความผิดพลาดที่ได้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งผ่านมาไม่ถึง 3 วินาที แต่เขาจะสนใจว่าเขาจะทำอะไรต่อไปนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป
-อย่าพยายามเป็นฮีโร่ อย่ามีอีโก้หรือทระนงตนเอง ต้องพยายามหมั่นตั้งคำถามกับตัวเอง และความสามารถของตนเองอยู่เสมอ อย่าได้เหลิงคิดไปว่าเราคือสุดยอด และเมื่อไหร่ที่เผลอคิดไป นั่นจะเป็นหนทางสู่ความตายของเรา

 เครดิต: http://mangmaoclub.com/losers-average-losers/

โชคดีครับ

Thursday, July 1, 2010

Wizard's Road # 94 (การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น)

วันนี้ไม่ขอเข้ารายละเอียดตลาดมากมายครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ผมเทรดได้แย่ที่สุดตั้งแต่เทรดมา 84 ในฐานะ proprietary trader ครับ...ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วันที่ขาดทุนมากที่สุด แต่การวิธีการเทรดของผมวันนี้ ถือว่า "ห่วยแตก" ก็ว่าได้ครับ...ไม่โทษตลาด ไม่โทษคนอื่น ต้องโทษตัวเองสถานเดียวครับ ฮ่าๆๆๆ

วันนี้ก็เลยมีบทความน่าอ่านมากๆ มาฝากกันครับ ค่อนข้างยาวพอสมควร แต่ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านกันครับ มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียวครับ

เครดิต: http://mangmaoclub.com/trading-psychology-spiral/

Consecutive losses and the trading psychology spiral

หุ้น จิตหลุด 1 การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น 
โดย Barry Lutz

ในช่วงที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับนักเล่นหุ้นทุกคนนั้น คือการขาดทุนที่มักจะเกิดขึ้นติดๆกันเป็นระยะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้คือการควบคุมอารมณ์และสติของเราให้มั่นคง เพื่อที่จะรักษาวินัยในการลงทุนเอาไว้ และในวันนี้ผมได้นำวิธีการง่ายๆที่อาจช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และสติของคุณ ได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องเจอกับตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยครับ
จิตวิทยา การลงทุน

คุณได้เข้าซื้อหุ้นไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มดิ่งหัวลง หลังจากนั้นคุณจึงตัดสินใจครั้งใหม่ที่จะ Short หุ้น แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เด้งขึ้นทันที นับรวมแล้วก็เป็นอันว่าคุณขาดทุนติดกัน 2 ครั้งเสียแล้ว และมันทำให้คุณรู้สึกค่อนข้างลังเลขใจเล็กน้อย นั่นทำให้คุณรู้สึกแหยงๆที่จะไม่เทรดหุ้นในสัญญาณครั้งต่อไป และเป็นอย่างที่คุณคิดเอาไว้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณได้กำไร! เอาล่ะสมมุติว่ามันแย่กว่านั้นอีก คุณตัดสินใจไล่ซื้อตามมันไป ซึ่งหลังจากที่คุณได้ไล่ซื้อมันไปไม่นานนัก มันก็ดิ่งหัวลงมาและทำให้คุณขาดทุนอีกครั้ง สรุปแล้วในขณะนี้คุณขาดทุนติดกันถึง 3 ครั้งแล้ว..
คุณอาจคิดว่า “โอเค.. ลองอีกครั้งก็ได้ฟระตรู เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละวุ้ยยยย”
ในครั้งนี้ คุณตัดสินใจอย่างฉลาดสุดๆ คุณสังเกตได้ว่าตลาดนั้นวิ่งอยู่กรอบแคบๆ มันจะเด้งขึ้นเมื่อเจอกับแนวรับ และเด้งลงเมื่อเจอกับแนวต้าน ดังนั้นในครั้งต่อไป คุณจึงตัดสินใจที่จะซื้อ-ขายเมื่อมันวิ่งไปชนกับกรอบราคา แทนที่จะเล่นด้วยระบบเดิมๆของคุณ

ต่อมานั้น ตลาดได้วิ่งไปคลอเคลียอยู่แถวแนวรับ ซึ่งมันเข้าทางกับแผนการที่คุณได้วางเอาไว้ คุณจึงตัดสินใจ “ซื้อมันซะเลย” แต่แทนที่มันจะเด้งขึ้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา ราคาของหุ้นกลับดิ่งทะลุแนวรับไปเสียนี่.. และนี่ไม่เพียงทำให้คุณขาดทุนติดๆกันถึง 4 ครั้ง แต่นี่เป็นการขาดทุนจากการที่คุณแหกระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของคุณไป เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นสัญญาณที่หากว่าคุณทำตามระบบไปละก็ กำไรในคราวนี้จะกลบการขาดทุนใน 3 ครั้งที่ผ่านมาทั้งหมดเลยทีเดียว
เอาล่ะ เมื่อมาถึงตอนนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป.. “เลิกเล่น?” แล้วพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้ตัวเองหลงผิดมาเก็งกำไรครั้งใหม่.. โยนคอมพิวเตอร์ทิ้งไปนอกบ้านซะเลย แล้วลืมๆมันไปซะ… นี่เป็นสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า คุณกำลัง “จิตหลุด” แล้วหละครับ
จิตวิทยาการลงทุน
อะไรคือภาวะ “จิตหลุด”
ผมคิดว่าภาวะของอาการ “จิตหลุด” นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณนั้นได้ยอมรับว่า “การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบการลงทุนและการเก็งกำไร” ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่การขาดทุนที่สะสมติดต่อกันนั้น ได้ค่อยๆทำให้คุณสะสมความกดดันจนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณนั้นไม่สามารถที่จะยอม รับมันได้อีกแล้วนั่นเอง ซึ่ง ภาวะอาการ “จิตหลุด” กะทันหันนี้ ทำให้คุณนั้นหน้ามืดและมองข้ามระบบการลงทุนของคุณไป และถูกแทนที่ด้วยอารมณ์จากผลการซื้อ-ขายในครั้งที่ผ่านๆมานั่นเอง และถึงแม้ว่าการ “เลิกเล่น” นั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่ดูจะเหมาะสมในช่วงเวลาอย่างนี้ แต่อาการ “จิตหลุด” ของคุณนั้น อาจจะทำให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดไปตามอารมณ์ของคุณก็เป็นได้ และมันอาจเป็นไปอย่างนั้นจนถึงจุดๆหนึ่งซึ่งมันหมดหวังเต็มที จนทำให้คุณนั้นไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไปและจำเป็นต้อง “เลิกเล่น” ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม บทความนี้นั้นไม่ได้พยายามที่จะพูดถึงเรื่องของอารมณ์และการเก็งกำไรของคุณ หรือเกี่ยวกับเรื่องของความกลัวซึ่งคอยขัดขวางนักเล่นหุ้นหรืออะไรเทือกๆ นั้น เพราะอย่างที่เรารู้ๆกันว่า อารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องเลิกเก็งกำไรซะ
นี่เป็นบทความที่เกี่ยวกับการที่โดยปกติแล้วคุณนั้นสามารถที่จะควบคุม อารมณ์และสติของคุณในการเก็งกำไรได้เป็นอย่างดี แต่แล้วจู่ๆก็กลับมีบางสิ่งบางอย่างมาทำให้นักเล่นหุ้นอย่างเราๆเสียการควบ คุมไป และเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผลจากการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดทุนซึ่งเกิดจากการแหกระบบของนักเล่นหุ้นเองนี่เอง ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะกับนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ หรือนักลงทุนระดับล่างๆ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นกับนักเล่นหุ้นทุกคน ซึ่งไม่ว่าใครก็มีสิทธิที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรไป ทุกอย่างก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และนั่นทำให้เราเกิดการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้งขึ้นมา ดังนั้น นี่จึงเป็นสถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นได้กับนักเล่นหุ้นทุกคน เพียงแต่ว่านักเล่นหุ้นแต่ละคนแต่ละระดับนั้น จะมีการตอบสนองต่อภาวะเช่นนี้ต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจอกับภาวะเช่นนี้นักเล่นหุ้น นาย A. อาจจะเกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเกิดอาการ “จิตหลุด” ตามมาทันที ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจของเขาไปและผลที่ตามมาก็คือการขาดทุนที่ มากกว่าที่ได้คาดคิดเอาไว้อย่างมากมาย หรือในอีกทางหนึ่งนั้น นาย B. อาจจะเกิดความรู้สึกอยาก “เอาคืน” และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากเขามั่นใจว่ายังไงซะ การเก็งกำไรครั้งต่อไปของเขาจะสามารถทำให้เขากลับมาเท่าทุนเหมือนเดิมได้ แต่แล้วอาการ “จิตหลุด” นี้ก็ยังดังเนินต่อไปพร้อมกับการขาดทุนของเขา และทำให้เขาต้องสูญเสียเงินไปมากกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้แต่แรก.. แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างนาย C. ล่ะ เขาทำอย่างไรกับภาวะเช่นนี้?
จิตวิทยาการลงทุน
การควบคุมภาวะของอาการ “จิตหลุด” ในการเล่นหุ้น
เมื่อคุณลองคิดไตร่ตรองดูให้ดี คุณจะพบว่า “ทุกครั้งที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณได้เกิดขึ้นและคุณสุญเสียการควบคุมสติของคุณไป นั่นจะยิ่งทำให้อาการ “จิตหลุด” ในครั้งต่อไปของคุณเกิดขึ้นเร็วยิ่งกว่าเดิม” นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่งที่การเล่นหุ้นกลายเป็นสิ่งที่เจ็บปวดเกินกว่าที่คุณจะทนไหว ซึ่งทำให้คุณไม่อยากเล่นหุ้นอีกต่อไปนั่นเอง
เมื่อลองคิดและไตร่ตรองดูให้ดีอีกครั้ง คุณจะพบว่า “มันเป็นการดีกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะควบคุม อารมณ์ในการเล่นหุ้นของคุณ แทนที่คุณจะตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไป” เนื่องจากการเลิกเล่นหุ้นเก็งกำไรนั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะมันไม่ได้ช่วยป้องกันให้คุณไม่คิดที่จะกลับมาลองเก็งกำไรหรือเล่นหุ้น รอบใหม่อีกครั้ง และไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเมื่อคุณต้องเจอกับภาวะขาดทุนติดๆกันอีกครั้ง
ในการที่จะควบคุมสติของคุณให้ได้ ก่อนที่คุณจะเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั้น คือการเอาชนะจิตใจและตัวตนข้างในของคุณให้ได้เสียก่อน คุณต้องทำมันและพาตัวเองกลับมาเดินอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง แล้วคุณจะได้กำไรชีวิตจากสิ่งที่คุณทำอย่างคาดไม่ถึง เพราะคุณจะรู้ว่าถึงแม้คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่โหดร้าย แต่คุณก็จะมั่นใจในตนเองว่าคุณจะข้ามผ่านมันไปได้ และสามารถควบคุมสติของคุณเอาไว้ได้จนไม่ต้องเกิดการขาดทุนที่มากมายอีกครั้ง
วิธีการง่ายๆที่จะช่วยคุณได้ คือให้คุณลองนำสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นหลักหรือแก่นในการเก็งกำไรของคุณ มาเขียนลงในกระดาษโน้ทเล็กๆแปะไว้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้คุณระลึกและตระหนักถึงมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ในจิตสำนึกของคุณอยู่ตลอดเวลา แทนที่มันจะไปฝังอยู่ในจิตไต้สำนึกของคุณจนลึกเกินไปนั่นเอง แต่จงระวังไว้ว่าทุกๆครั้งที่คุณได้เขียนโน้ทเอาไว้นั้น ขอให้แน่ใจว่าคุณกำลังเขียนแนวคิดลงไป ไม่ใช่วิธีการ จงอย่ายึดติดกับ”วิธีการ” จนเป็นการทำให้ปัญหาของคุณนั้นย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณนั้นพลุ่งพล่านจากการที่คุณได้เกิดการขาด ทุนติดๆกัน ภายในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไว้อยู่ในกรอบแคบๆดู แล้วลองเขียนโน้ทลงไปในลักษณะคำพูดแบบนี้ครับ
“อารมณ์บ้าๆนี้อาจจะมาจากการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วของเรา และการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วนี้อาจมาจากการที่เราพยายามเล่นหุ้นในช่วง เวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆนี้ก็ได้ หรือเราอาจกำลังเล่นหุ้นบ่อยเกินไปก็ได้ และไม่มีอะไรที่ได้ผิดพลาดไปในระบบของเราหรอก ตราบใดที่เรายังเล่นหุ้นได้ตามระบบของเราอยู่ ทุกอย่างก็ยังคงปกติและเราก็ยังเล่นหุ้นได้ดีอยู่เหมือนเดิม”
เอาล่ะ หรือไม่คุณอาจลองเปลี่ยนเป็นประโยคอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งเขียนออกมาในสถานการณ์เดียวกันดู
“อย่าเป็นไอ้โง่ที่เล่นหุ้นโง่ๆบ่อยเกินไปสิฟะ! เหมือนกับว่ากลัวที่จะขาดทุนในวันนี้เสียเหลือเกิน อย่าทำเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา ไม่งั้นเรื่องแบบนี้มันก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะเล่นหุ้นเกินไปถ้ายังคิดจะเล่นในหุ้นแบบเดิมๆ อีก”
จิตวิทยาการลงทุน
จงรักษา “สติ” ของคุณเอาไว้
“รักษาสติเอาไว้” คือประโยคต่อไปในกระดาษโน้ทของคุณ
อีกวิธีหนึ่งซึ่งคุณสามารถทำได้นั้น คือโดยการเขียนโน้ทซึ่งคุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณจะเกิดขึ้นนั้น ได้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หายใจเร็วขึ้น, เหงื่อออกเยอะ, บิดตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ หรืออาการนั่งไม่ลง และหลังจากที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณเริ่มรุนแรงขึ้น เช่น โวยวาย, ขว้างปาสิ่งของ หรือทำลายข้าวของ จนในที่สุดเมื่อคุณเกิดเอาการ “จิตหลุด” แบบเต็มขั้นหรือการตื่นตระหนกอย่างสุดขีด
แน่นอนว่ามันคงจะมีลิสท์รายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวเหยียด เลยทีเดียว แต่การที่คุณสามารถที่จะตระหนักถึงมันได้เมื่อมันเกิดขึ้นมานั้น อาจช่วยให้คุณเริ่มที่จะสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณแทนนั่นเอง
จิตวิทยาการลงทุน
คอยตระหนักอยู่ตลอดเวลา
คุณควรต้องรู้ถึงสิ่งที่มีศักย์ภาพที่จะก่อให้เกิดอาการ “จิตหลุด” ของคุณ มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการที่คุณจะยอมรับว่าตัวของคุณนั้นมี “อารมณ์” ข้องเกี่ยวอยู่เสมอ และจงอย่าพยายามที่จะมองข้ามมันไป หรือพยายามเก็บมันซ่อนเอาไว้เพราะคุณมองว่ามันคือสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอ ของคุณ เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
คุณเป็นมนุษย์! มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์ และอารมณ์จะเข้มข้นขึ้นเมื่อสถานการณ์ต่างๆนั้นเริ่มบีบคั้นขึ้นมา ดังนั้น คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณ “จิตหลุด” และสูญเสียการควบคุณขึ้นมา แต่คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ หรือจำให้ได้ว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้อาการ “จิตหลุด” นั้นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่จะช่วยให้คุณมี “สติ” อยู่เท่าที่คุณจะสามารถทำได้ ในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะช่วยให้คุณ “กลับมา” มีสติขึ้นอีกครั้ง
จิตวิทยาการลงทุน
แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้นทำอะไรบ้าง?
นักเล่นหุ้นที่ประสบ ความสำเร็จนั้น คือนักเล่นหุ้นที่สามารถที่จะควบคุม ”สติ” ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน และมี “สติ” อยู่ในทุกๆเวลา การมี “สติ” นั้นเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการณ์ “จิตหลุด “ ในการเล่นหุ้นขึ้นมา นักเล่นหุ้นที่ดีนั้นสามารถที่จะประเมิณการขาดทุนของเขาในรูปแบบของการเกิด ขึ้นตามธรรมดาของระบบการลงทุน และนักเล่นหุ้นที่ดีนั้นจะสามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดีของเขาได้ไม่ว่าจะ ต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใด และถึงแม้พวกเขาจะเกิดการขาดทุนขึ้นมา พวกเขาก็จะเข้าใจว่ามันต้องเกิดขึ้น พวกเขายอมรับกับ “ความน่าจะเป็น” ที่มันจะต้องเกิดขึ้น และทำตามระบบต่อไป ซึ่งการซื้อ-ขายครั้งต่อไปนั้นอาจจะทำกำไรให้พวกเขาก็ได้


โชคดีครับ