Chinese New Year Effect

วันนี้มาทำงานสายไป 10 นาที....แต่ก็ไม่ตกใจอะไร เพราะตลาดหุ้นบ้านเรายังอยู่ในกรอบแคบๆ ดูท่าทีแล้วถึงแม้จะมี Fund Flows (ต่างชาติเข้าซื้อหุ้น) แต่ด้วยแรงเทขายของพี่สถาบัน นาย prop trade รวมถึงท่านรายย่อย จึงทำให้ SET ไม่สามารถทะลุและปิดตลาดเหนือ 740 ได้อย่างมั่นคง  ยังไงก็คงต้องดูกันต่อไปว่า กำลังซื้อขายของฝ่ายไหนจะแรงกว่ากัน

สำหรับทองคำนั้น ได้มีแรงเทขายออกมาพอสมควรเมื่อคืนวาน สืบเนื่องมาจาก Dollar Index ที่ดีดกลับมาแข็งค่าพอสมควร ทำให้ทองร่วงจาก $1131.4 ลงมาแตะที่ $1122.9  จากการที่รัฐบาลประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Govt. Bond รวมทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศความจำนงอยากให้ค่าเงินเยนอยู่ในระดับ 95 เยนต่อดอลลาร์ จึงทำให้ Dollar Index ดีดตัวพอสมควร

อย่างไรก็ดี  ผมคิดว่าราคาทองคำอาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า Chinese New Year Effect ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แสดงราคาทองคำทั้งก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีน จากการรวบรวมข้อมูลย้อนหลังการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมานั้นพบว่าราคาทองคำมักปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนเทศกาลตรุษจีน ด้วยโอกาสประมาณ 60-70% และมักปรับตัวลงหลังเทศกาลตรุษจีนที่ระดับความน่าจะเป็นที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นแล้วการเก็งกำไรในทองคำช่วงก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึงก็คือ

"การเข้าซื้อทองคำก่อนหน้าวันตรุษจีน 15 วันทำการ หรือ (3 สัปดาห์ก่อนหน้า) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยคุ้มค่ากับค่าความเสี่ยงมากที่สุด"  และถ้าเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนจะเล่นเก็งกำไรระยะสั้น ก็ควรขายทิ้งในวันตรุษจีน หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อยเมื่อได้กำไรพอสมควร เพราะการถือต่อหลังจากผ่านเทศกาลแล้ว ส่วนใหญ่จะขาดทุน เจ๊งไม่เป็นท่า (อันนี้สำหรับคนเล่นระยะสั้นน่ะครับ ท่านที่ถือยาวก็ไม่ต้องซีเรียสให้เป็นกังวล)

ความคิดผมนั้น เหตุการณ์นี้ น่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากปีนี้ปรากฎการณ์ Chinese New Year Effect จะเกิดตรงกับวันที่ 14 ก.พ. 2553 ซึ่งก็คือวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักนั้นเอง...(เกี่ยวกันม่ะเนี่ยะ ฮ่าๆๆๆ)

ยังไงก็ Happy weekend น่ะครับ...เที่ยวได้ แต่อย่าเมาแล้วขับ หรือถ้าจะขับ ก็ไม่ต้องเมา!! ^_____^