Sunday, February 14, 2010

Wizard's Road # 9

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรก (ซะที) ที่ผมจะได้เทรดตลาด TFEX ด้วยเงินจริงๆ ถามว่ากลัวมั๊ย สั่นมั๊ย..ก็ต้องยอมรับว่ามีแน่นอน...แต่เป็นอาการที่เรียกว่า สั่นสู้ ซะมากกว่าครับ...มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้มากลัวไม่กล้าลงมือ ก็จะเสียเรื่องเอา...ถูกต้องไหมครับ อิอิ...




พอดีเพิ่งอ่านเจอบทความดีๆจากเพื่อนนักลงทุนใน Facebook เกี่ยวกับเหตุผลที่เราต้องลงทุน...ลองอ่านดูน่ะครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ทำไมผมต้องลงทุน ทำไมผมต้องกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตการทำงานของผมจากคนที่เคยได้เงินเดือนเฉียด 6 หลัก มารับเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ เพื่อหวังที่จะได้โบนัส profit sharing จากการเทรด ที่ใฝ่ฝันไว้ที่่ 7 หลัก ซึ่งอาจจะทำได้หรือไม่ได้เลย...ลองอ่านดูน่ะครับ..ให้ข้อคิดได้เยอะทีเดียว


ทำไมผมถึงลงทุน?

ผมคิดว่าการลงทุนคือ “การยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ซึ่งก็คือการยอมเสียสละความสุขในวันนี้เพื่อให้ได้ความสุขมากขึ้นในอนาคต

ความจริงการลงทุนนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น หากยังได้ผสมอยู่ในวิถีชีวิตของทุกคนมาตั้งแต่เด็กจนผู้ใหญ่ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือการลงทุน

การมีบุตรคือการลงทุน – ผมเคยถามเพื่อน ๆ และผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านว่า ทำไมถึงต้องการมีบุตร และคำตอบเกือบทั้งหมดก็คือว่า อยากให้บุตรเลี้ยงดูท่านตอบแทนในยามแก่เฒ่า ซึ่งทุกท่านคงมองเห็นภาพชัดเจนว่าการมีบุตรจะสร้างภาระต่อบุพการีมากเพียงไร และยาวนานเพียงไรกว่าการลงทุนเลี้ยงดูบุตรหนึ่งคนจะออกดอกออกผลคือการที่บุตรกลับมาเลี้ยงดูท่านได้อย่างที่ต้องการ จึงกล่าวได้ว่า การลงทุนมีบุตร คือการยอมสละความสุขของตัวเองในวันนี้ และทุ่มเทกำลังกายกำลังใจตลอดจนกำลังทรัพย์ไปในการเลี้ยงดูให้บุตรของท่านเติบใหญ่เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูท่านได้ในอนาคต

การศึกษาคือการลงทุน – เป้าหมายในการเข้ารับการศึกษาของหลาย ๆ ท่านคงจะเหมือนกันคือ ต้องการนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิต ให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ให้มีที่ยืนมากขึ้นในสังคมที่มีแต่การแข่งขัน และทุกท่านคงทราบดีกว่า ชีวิตคนคนหนึ่งใช้เวลาอยู่
ในระบบการศึกษานานกว่า 20 ปี ซึ่งถ้าท่านเลือกที่จะไม่เรียนจนถึง 20 ปี ท่านอาจจะมีเวลาไปทำอย่าง
อื่นได้อีกมาก เช่นช่วยครอบครัวหาเลี้ยงได้เร็วขึ้น หรือเริ่มต้นทำงานเร็วขึ้นและมีเงินเก็บเร็วขึ้น จึงกล่าวได้ว่า การศึกษา คือการยอมสละทางเลือกในวันนี้ และทุ่มเทเวลาและสมองไปในการแสวงหาความรู้ที่สูงขึ้นเพื่อให้ชีวิตท่านดีขึ้นในอนาคต

การทำงานหนักคือการลงทุน – คนที่ยอมทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ ทุกคนย่อมต้องการความก้าวหน้าในอาชีพที่รวดเร็วกว่าคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยต้องยอมสละเวลาส่วนตัว สุขภาพ และบางครั้งอาจต้องเสียคนรักไป จึงกล่าวได้ว่า การทำงานหนึ่งคือการยอมแลกความสุขด้านต่างๆ ในวันนี้ เพื่อใหความก้าวหน้าในอนาคตมาเร็วขึ้น

กลับมาที่การลงทุนในเรื่องของเรา ลองคิดดูว่าถ้าท่านได้รับเงินเดือนมาแล้วใช้ไปจนหมดไม่เหลือเก็บออม (ความจริงการออมก็นับเป็นการลงทุน แต่ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเงินเฟ้อ จนทำให้เงินด้อยค่าลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แทนที่จะเพิ่มขึ้น จึงเป็นการอดเปรี้ยวแต่ได้กินฝาด) ไม่เหลือไปลงทุน ทรัพย์สินของท่านก็จะมีแต่สินค้าเก่าที่นับวันมีแต่จะด้อยค่าลงไปเรื่อย ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือที่ตกรุ่นได้ในเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือรถยนต์ที่เก่าลงทุกวัน (การซื้อรถยนต์เพื่อความสบาย ไม่ได้ใช้เพื่อหาเงิน จึงไม่ใช่การลงทุน เพราะโดยทั่วไปแล้วท่านไม่สามารถขายรถยนต์ที่ใช้แล้วในราคาเดียวกันกับรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งส่วนต่างก็คือค่าใช้จ่ายก้อนโตของท่านนั่นเอง!)

ดังนั้น การอดเปรี้ยวไว้กินหวานทางการเงิน คือการยอมสละความสุขจากการจับจ่ายซื้อหาสินค้าและ
เครื่องอำนวยความสะดวกในวันนี้ แล้วยอมนำเงินไปผ่านกระบวนการที่ทำให้ตัวมันเองเติบโตทวีคูณมากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งความมูลค่าของทรัพย์สินที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งกระบวนการนั้นต้องประกอบด้วยความอดทนของจิตใจในการที่จะไม่กินเปรี้ยวก่อนที่จะหวานและการใช้ข้อมูลบวกกับทักษะในการนำเงินให้ไปอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา

อย่างไรก็ดี การลงทุนย่อมคู่กับความเสี่ยง (ความเสี่ยง คือ โอกาสที่ผลที่เกิดจริงจะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้แต่แรก) การลงทุนทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลไม่เป็นอย่างใจท่าน บุตรของท่านอาจทอดทิ้งไม่เลี้ยงดู การศึกษาของท่านอาจกลายเป็นสาขาอาชีพที่มีรายได้น้อยไม่เป็นที่นิยม การทำงานหนักของท่านอาจโดนเด็กเส้นเติบโตข้ามหัว หรือแม้แต่การลงทุนทางการเงินของท่านอาจขาดทุน ด้วยเหตุนี้ ส่วนตัวผมจึงเห็นว่าไม่ควรลงทุนไปในเรื่องใดของชีวิตจนมากเกินไป คือต้องกระจายการลงทุนให้สมดุล ทั้งเรื่องความก้าวหน้าทางการงาน ความสุขกับครอบครัว และความมั่งคั่งทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะฝากให้เป็นข้อคิดก็คือ 
 
 
"ความเสี่ยงที่สุดของชีวิตคนคนหนึ่ง ไม่ใช่การลงทุนที่ผิดพลาด แต่คือการไม่กล้าลงทุนในสิ่งใดเลย"


และไม่ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยงอย่างไร หากท่านมุ่งหวังอยากได้สิ่งที่ดีกว่าในอนาคตซึ่งมี
คุณค่ามากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้ กุญแจไปสู่เป้าหมายเหล่านั้นก็คือ การลงทุน

ชีวิตคือการลงทุนครับ…
 
 
เทรดเดอร์เ้จ้ากวี
14 - 02 - 2010

No comments:

Post a Comment